บทบาทและหน้าที่ของ TSM: จากภาคทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริง

บทบาทและหน้าที่ของ TSM: จากภาคทฤษฎีสู่การปฏิบัติจริง

TSM หรือ Transport Safety Manager ไม่ใช่แค่ตำแหน่งใหม่ตามกฎหมาย แต่คือหัวใจสำคัญในการสร้างความปลอดภัยให้กับการขนส่งอย่างยั่งยืน หน้าที่ของ TSM ไม่ได้จบแค่บนเอกสาร แต่ต้องลงมือปฏิบัติจริงในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมรถจนถึงการติดตามพฤติกรรมของพนักงานขับรถ บทความนี้จะเจาะลึกบทบาทและหน้าที่ของ TSM จากภาคทฤษฎีตามกฎหมาย สู่การนำไปปฏิบัติจริงในองค์กร

1. การจัดการรถ: หัวใจสำคัญของความปลอดภัยทางเทคนิค

หน้าที่แรกของ TSM คือการดูแลสภาพรถให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากความบกพร่องของยานพาหนะ

  • การตรวจสอบสภาพรถก่อนการเดินทาง (Pre-trip Inspection): TSM ต้องจัดทำระบบการตรวจสอบรถอย่างละเอียดก่อนออกเดินทางทุกครั้ง เช่น ระบบเบรก ยาง ไฟส่องสว่าง และอุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ

  • การจัดทำแผนบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance): วางแผนการตรวจเช็กและซ่อมบำรุงรถตามระยะเวลาที่กำหนดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง

  • การจัดทำทะเบียนประวัติรถ: บันทึกประวัติการซ่อมบำรุง การใช้งาน และการเกิดอุบัติเหตุของรถแต่ละคัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์และปรับปรุงในอนาคต

2. การจัดการผู้ขับรถ: ความปลอดภัยเริ่มต้นที่คน

พนักงานขับรถคือผู้ที่อยู่หลังพวงมาลัย TSM จึงมีบทบาทสำคัญในการดูแลและพัฒนาทักษะของพวกเขา

  • การตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถ: ก่อนออกเดินทาง TSM ต้องตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับรถ เช่น สภาพร่างกายและจิตใจ เพื่อป้องกันปัญหาการขับรถขณะอ่อนเพลีย

  • การวางแผนเวลาทำงานและการพักผ่อน: กำหนดชั่วโมงการทำงานและเวลาพักผ่อนให้เป็นไปตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการขับรถเกินเวลาที่กำหนด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุ

  • การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ: จัดอบรมพนักงานขับรถอย่างสม่ำเสมอ ทั้งเรื่องกฎจราจร เทคนิคการขับขี่ที่ปลอดภัย และการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน

3. การจัดการการเดินรถ: การวางแผนเพื่อการเดินทางที่ราบรื่น

การวางแผนการเดินทางที่ดีช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง

  • การวางแผนเส้นทาง: เลือกใช้เส้นทางที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับประเภทสินค้า หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีสภาพถนนชำรุดหรือการจราจรที่เสี่ยงอันตราย

  • การติดตามการเดินรถแบบเรียลไทม์ (Real-time Tracking): ใช้เทคโนโลยี GPS หรือระบบติดตามอื่นๆ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ เช่น ความเร็ว ระยะเวลาการขับต่อเนื่อง และการใช้เส้นทาง

  • การเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน: จัดทำแผนรับมือเหตุฉุกเฉินและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

4. การจัดการการบรรทุกและการโดยสาร: ป้องกันความเสียหายและอันตราย

  • การควบคุมน้ำหนักบรรทุก: TSM ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าการบรรทุกสินค้ามีน้ำหนักไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันรถเสียการทรงตัวและสร้างความเสียหายให้กับถนน

  • การตรวจสอบการรัดตรึงสินค้า: ก่อนออกเดินทาง ต้องตรวจสอบว่าสินค้าถูกจัดวางและรัดตรึงอย่างถูกวิธีและแน่นหนา เพื่อป้องกันการกระจัดกระจายและเสียหายระหว่างทาง

5. การบริหารจัดการ การวิเคราะห์ และการประเมินผล: ก้าวสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

  • การจัดทำรายงาน: รวบรวมข้อมูลการเดินรถ พฤติกรรมผู้ขับรถ และสถิติการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อจัดทำรายงานและเสนอต่อผู้บริหาร

  • การวิเคราะห์ข้อมูล: ใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้มาวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

  • การทบทวนแผนความปลอดภัย: ทบทวนและปรับปรุงแผนการจัดการความปลอดภัยอยู่เสมอ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ

สรุป

บทบาทของ TSM คือการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยทำงานร่วมกันในทุกมิติ ตั้งแต่ยานพาหนะ คนขับ ไปจนถึงการวางแผนและการวิเคราะห์ข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของ TSM อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยให้ธุรกิจขนส่งสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและสังคม

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 📞
📱 Line: @961zauzv
☎️ โทร: 094-395-5222
📌 Facebook: Training Zenter

เพิ่มเพื่อน

บทความล่าสุด

ข่าวล่าสุด