ตรวจสภาพรถยนต์

4 วิธีถนอมแบตรถ EV ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้!

เฟจเฟซบุ๊ก EPPO Thailand โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน เผยวิธีถนอมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ป้องกันการเสื่อมเร็วผิดปกติ สามารถทำได้ง่ายๆ 4 วิธี ดังนี้

1. ไม่ปล่อยแบตเตอรี่เหลือ 0% – การปล่อยแบตเตอรี่ให้หมดเกลี้ยงแล้วค่อยชาร์จ จะทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักจนเกิดความร้อนสูง

2. หลีกเลี่ยงการชาร์จเต็ม 100% – การชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% เป็นประจำ จะทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชาร์จจนเต็ม 100% ด้วยระบบชาร์จไฟแบบ DC (ชาร์จด่วน) ควรรักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ระหว่าง 20 – 80% เท่าที่จะทำได้

3. หลีกเลี่ยงการจอดรถหรือชาร์จในที่อุณหภูมิสูงจัด – หากเป็นไปได้ควรจอดชาร์จไฟในพื้นที่ร่ม เพื่อให้ระบบจัดการความร้อนของแบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสังเกตได้ว่าหากชาร์จในบริเวณที่มีอุณหภูมิสูง กำลังการชาร์จไฟจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด

4. จอดรถนานแบตต้องมากกว่า 30% – หากมีความจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานนับเดือน ควรเหลือปริมาณไฟในแบตเตอรี่อย่างน้อย 30% เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่

เพียงปฏิบัติตามข้อแนะนำเหล่านี้เป็นประจำ ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ EV ได้ไม่มากก็น้อยแล้วค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูล : SANOOK

4 วิธีถนอมแบตรถ EV ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้! Read More »

10 เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับการขับรถยนต์

วันนี้ TZ (trainingzenter) จะมาแนะนำ การมีรถยนต์หนึ่งคันสิ่งที่ตามมานั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษา ความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยในการใช้รถบนท้องถนน  ยิ่งในยุคนี้ด้วยแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อเรานั่งอยู่หลังพวงมาลัย เราลองมาดู 10 เรื่องน่ารู้ในการขับรถยนต์ที่รู้แล้ว จะทำให้คุณใช้รถใช้ถนนได้อย่างปลอดภัย

1. มีสมาธิกับการขับ เทคนิคขับรถที่ปลอดภัยคือ จะต้องใช้สายตาสาดส่ายไปมา ทั้งกระจกมองหลัง กระจกมองข้างทั้ง 2 ข้าง ไม่ว่าจะเป็นในการเปลี่ยนช่องเดินทางรถ หรือแม้แต่ขับรถทางตรง ต้องเหลือบตามองเป็นระยะให้สม่ำเสมอ การละสายตาไปมองอย่างอื่น ไม่ว่าจะเป็นระบบนำทาง ปรับเครื่องเสียง เพียงไม่กี่วินาที ก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ รวมถึงงดเล่นโทรศัพท์มือถือในขณะที่รถเคลื่อนที่อยู่ และอย่าลืมละสายตามามองที่หน้าปัดบ้าง

2. ร่างกายต้องการของหวาน การนั่งขับรถเป็นเวลานาน ๆ ร่างกายมีความตื่นตัวตลอดทั้งสายตา แขน มือ ขาและเท้า ทำให้ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ จะเกิดอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอน ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการได้แนะนำให้กินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงอย่างลูกแพร์หรือแอปเปิล และดื่มน้ำเปล่าตาม

การรับประทานอะไรแก้ง่วงระหว่างขับรถ ช่วยให้ร่างกายกะปรี้กะเปร่าได้ดี

3. วอร์มคนก่อนออกรถ ก่อนที่จะออกรถให้คุณนั่งหลังตรงแล้วยืดศีรษะขึ้นให้สูงที่สุดพร้อม ๆ กับดันศีรษะไปที่พนักพิง ทำท่านี้ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นค่อยผ่อนคลายลง ทำซ้ำทั้งหมด 5 ครั้ง วิธีนี้จะช่วยปรับท่านั่งขับรถของคุณให้ถูกต้องขึ้น และช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อหลังให้ทำงานและปรับกระดูกสันหลังให้ตรงคุณจึงไม่เมื่อยคอขณะขับรถ

4. ขับรถแล้วปวดหลัง หลายคนมีปัญหากับพนักพิงหลังเบาะรถ ไม่ว่าจะอ่อนไปหรือแข็งไปบ้าง แนะนำให้หาตัวรองหลังสำหรับเบาะนั่งรถยนต์ มาหนุนหลัง หรือจะใช้หมอนใบขนาดพอเหมาะมารองแทนก็ได้ ยิ่งคุณประคองกระดูกสันหลังได้มากเท่าไรโอกาสที่จะปวดหลังยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น

5. มองถนนให้ไกล อีกหนึ่งพฤติกรรมการขับรถที่ไม่ดีคือการจ้องมองพื้นถนนข้างหน้ารถหรือท้ายรถคันหน้า ทางที่ดีคุณควรฝึกมองไปข้างหน้าไกล ๆ อย่างเช่น ขณะที่เข้าโค้งก็ให้มองจุดออกจากโค้ง การมองแบบนี้ อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนจะหลุดออกไปนอกถนน แต่ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะการมองเห็นทั้งโค้ง จะช่วยให้คุณเข้าโค้งตามไลน์ได้ถูกต้อง

6. ปรับแอร์ให้เป็น เคล็ดลับขับรถอีกอย่างหนึ่งที่หลายคนมองข้าม เวลาขับรถในเมืองให้ปรับแอร์เป็นระบบหมุนเวียน เพื่อป้องกันกลิ่นไอเสีย หรืออากาศร้อนจากห้องเครื่องเมื่อรถติดเข้ามาในรถ ทำให้แอร์ทำงานหนักมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อต้องการขับรถทางไกล และมีผู้โดยสารอยู่หลายคน ทำให้อากาศภายในหมุนเวียนภายในไม่เพียงพอ ทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะมีอาการง่วงนอนได้ ให้เปิดระบบเอาอากาศข้างนอกเข้ามาเป็นระยะ ๆ

7. นั่งทับกระเป๋าตังค์ใช่ว่าดี หลายๆ คนชอบเอากระเป๋าตังค์ไว้ที่กระเป๋าหลังกางเกง โดยเฉพาะผู้ชาย แล้วไปนั่งขับรถเป็นเวลานานๆ จะทำให้สะโพกสองข้างหนาไม่เท่ากัน เวลานั่งบนเบาะกระดูกสันหลังก็เลยคดและส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนัก รวมถึงยังเป็นการเพิ่มแรงกดลงบนเส้นประสาทบริเวณกระดูกสะโพกซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหลัง

8. ลดน้ำหนักรถ หลายคนชอบเอาของใช้มาไว้ในท้ายรถ เป็นการเพิ่มน้ำหนักรถโดยไม่จำเป็น และจะทำให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันนั้นสูงขึ้นไปด้วย ควรเอาของใช้ออกจากรถบ้าง รวมถึงอุปกรณ์เสริมติดรถที่ใช้เป็นบางเวลา อย่างเช่น แร็คติดจักรยาน ที่วางสัมภาระบนหลังคา เมื่อไม่ได้ใช้ก็ควรถอดออก

ปรับเบาะไฟฟ้าให้ถูกสรีระของตัวเอง ช่วยให้ขับรถนานๆ ได้ไม่เมื่อยล้า

9. ปรับเบาะที่นั่ง บรรดาผู้ใช้รถเอสยูวี หรือรถอเนกประสงค์ทั้งหลาย ที่จะมีตัวรถที่สูง ตำแหน่งผู้ขับขี่จะสูงตามไปด้วย เมื่อตำแหน่งที่สูงการมองเห็นจะกว้างกว่าปกติ เวลาขับแล้วจะรู้สึกว่ารถเราไปช้าจะคอยเติมคั่นเร่งอยู่ตลอด ซึ่งแตกต่างจากจากรถที่ต่ำ จะเห็นระนาบถนนมากกว่า จะรู้สึกว่าขับเร็วอยู่ ผู้ใช้รถเอสยูวี ควรลองปรับลดระดับเบาะนั่งให้ต่ำที่สุดแล้วลองขับดู จะได้ความรู้สึกความเร็วเสมือนจริงมากขึ้น

10. อย่าขับรถจี้ท้าย การขับจี้ท้ายรถคันหน้าทำให้รถติด ซึ่งคนขับรถจะต้องเหยียบเบรคบ่อยเกินเหตุเวลาขับจี้ท้าย ดังนั้นรถคันหลังที่ขับตามมาก็จะต้องเหยียบเบรคตามไปด้วย ทุกคนเลยขับรถกระตุกแบบเหยียบเบรคแล้วก็ปล่อยตามกันไปเป็นแถว ทำให้การขับรถไม่ต่อเนื่องไม่สามารถใช้ความเร็วคงที่ได้

ขอบคุณข้อมูลจาก : roojai

10 เรื่องน่ารู้ เกี่ยวกับการขับรถยนต์ Read More »

ขับอย่างไรให้ปลอดภัยในเขตชุมชน

ทุกการเดินทางเราพร้อมดูแลคุณ กับบริษัทไอดีไดรฟ์ จำกัด

อุบัติเหตุทางถนนที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากการเปิดประเทศ ส่วนใหญ่ยังคงเกิดขึ้นกับพวกเมาแล้วขับ รถจักรยานยนต์กลายเป็นยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ตามด้วยรถยนต์ ที่ไม่ได้เกิดแค่บนถนนไฮเวย์ หรือบนทางหลวงเท่านั้น บริเวณชุมชนที่มีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นไม่น้อย คนเดินเท้า จักรยาน คนข้ามถนน คนขายของที่อยู่ริมถนน เมื่อขับผ่านเขตชุมชนนักขับส่วนใหญ่จะมีความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น เช่น ลดความเร็ว ไม่ขับจี้ท้ายหรือเปลี่ยนช่องทางไปมาด้วยความเร็ว แต่ก็ยังมีผู้ใช้รถใช้ถนนบางคนที่สติไม่ได้จดจ่ออยู่กับการขับรถ การขาดความระวังแม้แค่แวบเดียวก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะการขับในเขตเมือง การขับรถในเขตชุมชนนั้นดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่กลับมีอันตรายมากกว่าการขับรถบนทางหลวง ต้องใช้สมาธิมากกว่าเดิม ใจร้อน ไม่มีสติ ขาดยั้งคิด

อุบัติเหตุนั้นเพิ่มมากขึ้น การสังเกต หรือคาดการณ์ก็จะมีความยุ่งยากและซับซ้อน เครื่องหมายหรือป้ายจราจรก็เยอะ ผู้คนที่สัญจรไปมาทั้งบนทางเท้าและบนถนน ไม่เห็นป้ายบอกเขตจำกัด    ความเร็ว หรือเขตโรงเรียน  การออกตัว หรือหยุดรถในเขตเมือง โดยขาดความระมัดระวัง อาจหมายถึงอุบัติเหตุ แต่ละถนน แต่ละแยก แต่ละซอย ล้วนเป็นจุดอันตราย

     เขตอันตราย ที่อาจไร้ความระมัดระวัง การเลี้ยวกลับรถบริเวณทางแยกทางร่วม ไม่ว่าจะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือแม้แต่การขับยูเทิร์น สิ่งที่ต้องระวังก็คือรถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือรถพ่วง บางคันอาจกำลังขับคร่อมเลนเมื่อคุณต้องการการเลี้ยวที่ปลอดภัยคือ ต้องเริ่มให้สัญญาณก่อนการเลี้ยวล่วงหน้า อยู่ในช่องทางที่จะเลี้ยวอย่างถูกต้อง ไม่ขับคร่อมเส้นแบ่งช่องทางก่อนการเลี้ยว

      ขับโดยทิ้งระยะห่างจากรถคันข้างหน้าใช้ความเร็วต่ำ เพื่อจะได้มีพื้นที่ในการมองและพร้อมที่จะหลบ หรือเบรกให้ทัน ใช้เสียงแตรเตือนเมื่อไม่แน่ใจว่าเขาจะเปิดประตูออกมาหรือไม่เพื่อระวัง เนื่องจากรูปแบบของอุบัติเหตุนั้นแตกต่างกันออกไปตาม สถานที่ด้วยค่ะ

สาระดี  มีมาฝาก จาก ศูนย์ตรวจสภาพรถไอดีสารคาม โดย บริษัทไอดีไดรฟ์ จำกัด

นำมาฝากสำหรับทุกท่านนะคะ หากอ่านแล้วข่าวสารนี้ได้รับความรู้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ ติดตามเป็นกำลังใจด้วยนะคะ ด้วยความห่วงใย จากศูนย์ตรวจสภาพรถไอดีไดรฟ์ ขอขอบคุณค่ะ


☎️ 043-020-512, 063-506-5577 ,093-479-9747

ขับอย่างไรให้ปลอดภัยในเขตชุมชน Read More »