ยินดีด้วย! หลังจากที่คุณผ่อนรถหมดแล้ว ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่หลายคนใฝ่ฝันถึง แต่รู้ไหมว่ายังมีขั้นตอนสำคัญที่คุณต้องทำต่ออีกหลายอย่าง เพื่อให้กรรมสิทธิ์รถยนต์เป็นของคุณอย่างสมบูรณ์ และจัดการเอกสารต่างๆ ให้เรียบร้อย Trainingzenter.com รวบรวมข้อมูลและคำแนะนำที่ครบถ้วน เพื่อให้คุณดำเนินการได้อย่างถูกต้องและสบายใจ
1. ติดต่อไฟแนนซ์เพื่อโอนกรรมสิทธิ์: อย่ารอช้า!
หลังจากชำระค่างวดครบถ้วน สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือติดต่อบริษัทไฟแนนซ์ที่คุณทำสัญญาไว้ เพื่อดำเนินการเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์จากไฟแนนซ์มาเป็นชื่อของคุณ โดยปกติแล้ว ไฟแนนซ์จะใช้เวลาดำเนินการภายในไม่กี่วันทำการหลังจากที่คุณชำระยอดสุดท้ายไปแล้ว
สิ่งที่คุณจะได้รับจากไฟแนนซ์:
-
เล่มทะเบียนรถยนต์ (ใบคู่มือจดทะเบียนรถ): นี่คือเอกสารสำคัญที่สุดที่จะยืนยันกรรมสิทธิ์ของคุณ
-
หนังสือมอบอำนาจ (ในกรณีที่คุณจะไปดำเนินการโอนเอง): หากคุณต้องการดำเนินการโอนที่กรมขนส่งทางบกด้วยตัวเอง ไฟแนนซ์จะออกหนังสือมอบอำนาจให้คุณ
-
เอกสารประกอบการโอนกรรมสิทธิ์อื่นๆ: เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าของใหม่ (คุณ) และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบริษัทไฟแนนซ์
2. ตรวจสอบเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้อง
เมื่อได้รับเอกสารจากไฟแนนซ์แล้ว สิ่งสำคัญคือการตรวจสอบรายละเอียดทุกอย่างให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยเฉพาะชื่อ-นามสกุลของคุณ รายละเอียดรถยนต์ เลขตัวถัง และเลขเครื่องยนต์ หากพบข้อผิดพลาด ให้รีบแจ้งไฟแนนซ์เพื่อแก้ไขทันที
3. ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมขนส่งทางบก
คุณมี 2 ทางเลือกในการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์:
3.1 ให้ไฟแนนซ์ดำเนินการให้ (ทางเลือกยอดนิยม)
โดยส่วนใหญ่ ไฟแนนซ์จะมีบริการดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ให้คุณเสร็จสรรพ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายที่สุด คุณเพียงแค่รอรับเล่มทะเบียนรถยนต์ที่โอนเป็นชื่อคุณเรียบร้อยแล้วจากไฟแนนซ์
3.2 ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ด้วยตัวเอง
หากคุณต้องการดำเนินการเอง คุณจะต้องนำเอกสารทั้งหมดที่ได้จากไฟแนนซ์ พร้อมกับบัตรประชาชนตัวจริง ไปที่สำนักงานขนส่งทางบกที่รถคันนั้นจดทะเบียนไว้
เอกสารที่ต้องเตรียม (สำหรับดำเนินการเอง):
-
เล่มทะเบียนรถยนต์ (ใบคู่มือจดทะเบียนรถ) ฉบับจริง
-
สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของเดิม (ไฟแนนซ์) และเจ้าของใหม่ (คุณ) พร้อมลงลายมือชื่อ
-
หนังสือมอบอำนาจจากไฟแนนซ์ (หากดำเนินการเอง)
-
เอกสารการรับโอนและรับรองผลการโอน
-
แบบคำขอโอนและรับโอน (มีให้ที่กรมขนส่ง)
-
หลักฐานการชำระค่าธรรมเนียม
ค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์:
-
ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์
-
ค่าอากรแสตมป์
-
ค่าคำขอ
4. ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
เมื่อรถเป็นชื่อของคุณแล้ว อย่าลืมตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.) หรือประกันภาคสมัครใจ (ชั้น 1, 2+, 3+, 3) ว่าข้อมูลผู้เอาประกันภัยและเจ้าของรถได้มีการอัปเดตเป็นชื่อของคุณเรียบร้อยแล้วหรือยัง หากยังไม่ได้อัปเดต ให้รีบแจ้งบริษัทประกันเพื่อแก้ไขข้อมูล เพื่อให้คุณยังคงได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง
5. จัดการเอกสารสำคัญให้เป็นระเบียบ
หลังจากดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ควรจัดเก็บเอกสารสำคัญทั้งหมดไว้ในที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ง่าย เอกสารเหล่านี้ได้แก่:
-
เล่มทะเบียนรถยนต์ฉบับจริง (ที่โอนเป็นชื่อคุณแล้ว)
-
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
-
สำเนาเอกสารประจำตัวของคุณ
-
ใบเสร็จต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
6. วางแผนการใช้รถอย่างชาญฉลาดในอนาคต
เมื่อภาระการผ่อนรถหมดไป คุณจะมีอิสระทางการเงินมากขึ้น นี่เป็นโอกาสที่ดีในการวางแผนการใช้จ่ายและการดูแลรักษารถยนต์ในระยะยาว เช่น:
-
วางแผนการบำรุงรักษา: จัดสรรงบประมาณสำหรับการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้รถของคุณอยู่ในสภาพดีและใช้งานได้นาน
-
พิจารณาประกันภัยที่เหมาะสม: ประเมินความต้องการและเลือกประกันภัยที่คุ้มครองความเสี่ยงที่คุณกังวล
-
วางแผนทางการเงิน: เงินที่คุณเคยใช้ผ่อนรถ สามารถนำไปใช้เพื่อเป้าหมายทางการเงินอื่นๆ เช่น การออม การลงทุน หรือการชำระหนี้สินอื่นๆ
ฟรี! อบรม TSM Online: ทางออกสู่ความปลอดภัยและการต่อใบอนุญาตปี 2568!
ผู้ประกอบการขนส่งและผู้ที่ต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย ห้ามพลาด! ในปี 2568 นี้ TSM (Transport Safety Manager) คือหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และการต่อใบอนุญาตประกอบการขนส่ง
Training Zenter ขอเชิญคุณเข้าร่วมอบรม TSM Online ฟรี! ผ่าน Zoom ที่จะช่วยคุณไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดทำและส่งรายงาน TSM รวมถึงขั้นตอนการแจ้งเข้า-แจ้งออกที่สำคัญ
เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณพร้อมรับมือกับทุกกฎระเบียบ และยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในองค์กรของคุณ
พบกันวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม 2568 เวลา 9.00-12.00 น.
โอกาสดีๆ แบบนี้มีจำกัด! รีบสแกน QR Code เพื่อลงทะเบียน หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย อย่าให้ธุรกิจของคุณสะดุด เพราะขาดความรู้ TSM!
