รถพยาบาลฝ่าไฟแดง…ความประมาทหรือเหตุสุดวิสัย?

ในนามของศูนย์ฝึกอบรม TrainingZenter เราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุรถฉุกเฉินเมื่อเร็วๆ นี้ และขอแสดงเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความรู้เพื่อป้องกันมิให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน ทาง TrainingZenter ขอใช้โอกาสนี้ในการวิเคราะห์และสรุปข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นความรู้แก่สาธารณะ โดยไม่มีความประสงค์จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

สิทธิและข้อจำกัดตามกฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก

ตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ได้กำหนดสิทธิพิเศษสำหรับผู้ขับขี่รถฉุกเฉินขณะปฏิบัติหน้าที่อย่างชัดเจน ซึ่งรวมถึง:

• การใช้สัญญาณไฟและเสียงไซเรนเพื่อขอทาง

• การหยุดหรือจอดรถในบริเวณที่ห้าม

• การขับรถเกินอัตราความเร็วที่กำหนด

• การไม่ปฏิบัติตามกฎเกี่ยวกับการขับขี่ปกติ เช่น ช่องเดินรถ ทิศทาง หรือการเลี้ยว

อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือ “ผู้ขับขี่รถฉุกเฉินต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควร” และในขณะเดียวกัน

“ผู้ขับขี่คันอื่นที่พบรถฉุกเฉินต้องให้ทางโดยเร็วที่สุด”

บทเรียนจากกรณีศึกษา

จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในข่าว จะเห็นได้ว่า รถฉุกเฉินได้เปิดสัญญาณไซเรนตามข้อกำหนดของกฎหมายแล้ว แต่ขณะเดียวกันผู้ขับขี่รถฉุกเฉินก็ต้องรับผิดชอบในส่วนของความระมัดระวังตามสมควรด้วยเช่นกัน อีกทั้ง ยังไม่มีใบอนุญาตขับรถประเภทที่ 2 ซึ่งพนักงานขับรถฉุกเฉิกหรือรถพยาบาลทุกคนควรจะมี ส่วนกรณีของรถคันสีน้ำเงินที่ขับมาตามสัญญาณไฟเขียวนั้น ก็เป็นไปตามสิทธิของรถที่ได้รับอนุญาตให้ใช้เส้นทาง

เหตุการณ์นี้จึงเป็นเครื่องย้ำเตือนให้เห็นถึงข้อจำกัดเชิงกฎหมายที่ผู้ขับขี่รถฉุกเฉินทุกท่านพึงตระหนักว่า แม้จะมีสิทธิพิเศษในการฝ่าฝืนกฎจราจรได้ แต่ก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆ เป็นสำคัญ เพื่อป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอย

ทาง TrainingZenter หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับกฎหมายและข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ขับขี่รถฉุกเฉินทุกท่าน เพื่อให้ทุกการเดินทางบนท้องถนนเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด