หลังจากขับรถผ่านพื้นที่น้ำท่วมมาแล้ว ไม่ได้หมายความว่าภารกิจของคุณจะสิ้นสุดลง เพราะความเสียหายที่มองไม่เห็นอาจยังคงอยู่ การละเลยการตรวจสอบและดูแลรักษารถหลังลุยน้ำอาจนำไปสู่ปัญหาในระยะยาวที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล บทความนี้จะให้คำแนะนำในการดูแลรถบรรทุกและสินค้าอย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้
1. การดูแลรถ: ขั้นตอนสำคัญที่ช่วยยืดอายุการใช้งาน
การดูแลรถหลังลุยน้ำอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันการสึกหรอและปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
-
ตรวจสอบระบบเบรกทันที: หลังจากขับรถผ่านน้ำท่วม ให้ลองเหยียบเบรกย้ำๆ เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก และเพื่อให้ผ้าเบรกกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ตรวจสอบน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์: หากระดับน้ำสูงจนท่วมถึงห้องเครื่องหรือระบบเกียร์ น้ำอาจซึมเข้าไปผสมกับน้ำมันได้ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการหล่อลื่นและอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ ควรตรวจสอบสีของน้ำมัน หากมีลักษณะขุ่นหรือเปลี่ยนสี ควรเปลี่ยนถ่ายทันที
-
ทำความสะอาดช่วงล่าง: การขับรถผ่านน้ำท่วมอาจทำให้เศษดิน, โคลน, หรือสิ่งสกปรกติดอยู่บริเวณช่วงล่างของรถ ควรนำรถไปฉีดล้างเพื่อขจัดคราบสิ่งสกปรกออก ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดสนิมและยืดอายุการใช้งานของช่วงล่าง .
-
ตรวจสอบระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์: หากน้ำท่วมในระดับที่สูง ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงกล่องควบคุม (ECU) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรถ หากพบว่ามีความชื้นหรือทำงานผิดปกติ ควรปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญทันที
2. การดูแลสินค้า: ป้องกันความเสียหายก่อนถึงปลายทาง
แม้จะมีการป้องกันมาอย่างดีแล้ว แต่การตรวจสอบสินค้าอีกครั้งหลังลุยน้ำก็เป็นสิ่งจำเป็น
-
ตรวจสอบสภาพหีบห่อ: หากสินค้าที่บรรทุกมาเป็นประเภทที่ไวต่อความชื้น เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือสินค้าที่ต้องอยู่ในสภาพแห้ง ควรตรวจสอบว่าหีบห่อยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และไม่มีน้ำรั่วซึมเข้าไป
-
จัดวางสินค้าในพื้นที่ที่ปลอดภัย: หากมีพื้นที่ในการจอดพัก ควรนำรถไปจอดในบริเวณที่แห้งและมีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อให้สินค้าแห้งสนิทและป้องกันความชื้นที่อาจทำให้เกิดความเสียหายได้
-
จัดทำรายงานความเสียหาย (ถ้ามี): หากพบว่าสินค้าบางส่วนได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ควรจัดทำรายงานความเสียหายเพื่อใช้ในการเคลมประกันหรือเพื่อแจ้งให้กับลูกค้าทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
3. การเตรียมพร้อมสำหรับครั้งต่อไป: บทเรียนที่ต้องเรียนรู้
ประสบการณ์จากการขับรถลุยน้ำท่วมสามารถนำมาเป็นบทเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมที่ดีกว่าในครั้งต่อไป
-
บันทึกข้อมูล: จดบันทึกเส้นทางที่ถูกน้ำท่วมและความลึกของน้ำ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการเดินทางในอนาคต
-
จัดเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉิน: เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ไฟฉาย, แบตเตอรี่สำรอง, และชุดปฐมพยาบาลในรถ เพื่อใช้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
สรุป
การรับมือหลังฝนตกและหลังผ่านพื้นที่น้ำท่วมเป็นขั้นตอนที่สำคัญไม่แพ้การวางแผนก่อนออกเดินทาง การใช้เวลาในการดูแลรถและสินค้าอย่างละเอียดจะช่วยลดความเสียหายและยืดอายุการใช้งานของยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การเดินทางในทุกฤดูฝนเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้น
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Line: @961zauzv
โทร: 094-395-5222
Facebook: Training Zenter