ไขข้อสงสัย! พ.ร.บ. รถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ เลือกแบบไหนให้คุ้มค่า ปลอดภัยทุกการเดินทาง?

ไขข้อสงสัย! พ.ร.บ. รถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ เลือกแบบไหนให้คุ้มค่า ปลอดภัยทุกการเดินทาง?

สำหรับผู้ใช้รถทุกคน คงเคยได้ยินคำว่า “พ.ร.บ. รถยนต์” และ “ประกันรถยนต์” กันมาบ้าง แต่หลายคนก็ยังสับสนว่าทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกันอย่างไร และจำเป็นต้องมีทั้งคู่หรือไม่? Trainingzenter.com จะมาไขข้อกระจ่าง พร้อมแนะนำแนวทางเลือกที่คุ้มค่าและครอบคลุมความปลอดภัยในการเดินทางของคุณครับ

พ.ร.บ. รถยนต์ภาคบังคับ: สิ่งที่ต้องมีตามกฎหมาย

พ.ร.บ. หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 คือประกันภัยภาคบังคับที่รถยนต์ทุกคันต้องมีตามกฎหมาย จุดประสงค์หลักคือการให้ความคุ้มครองแก่ “ผู้ประสบภัยจากรถ” ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คำนึงว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายผิด

ทำไมต้องมี พ.ร.บ.?

  • เป็นกฎหมายบังคับ: หากไม่มี พ.ร.บ. จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

  • คุ้มครองผู้ประสบภัยทันที: ไม่ต้องรอพิสูจน์ถูก-ผิด ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจะได้รับการเยียวยาเบื้องต้น

  • ใช้เป็นเอกสารต่อภาษีรถยนต์: หากไม่มี พ.ร.บ. จะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้

ความคุ้มครองของ พ.ร.บ. (โดยสังเขป):

  • ค่าเสียหายเบื้องต้น: (โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด)

    • ค่ารักษาพยาบาล กรณีบาดเจ็บ

    • ค่าปลงศพ กรณีเสียชีวิต

  • ค่าสินไหมทดแทน: (เมื่อพิสูจน์ความผิดแล้ว)

    • ค่ารักษาพยาบาล กรณีบาดเจ็บ

    • ค่าชดเชยกรณีทุพพลภาพถาวร

    • ค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต

สรุป: พ.ร.บ. เป็นสิ่งที่จำเป็นพื้นฐานเพื่อให้คุณขับรถได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นการสร้างหลักประกันเบื้องต้นสำหรับผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ

ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ: เพิ่มความอุ่นใจ ครอบคลุมยิ่งกว่า

ต่างจาก พ.ร.บ. ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจเป็นทางเลือกที่คุณสามารถเลือกทำเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ โดยมีหลากหลายประเภทที่ให้ความคุ้มครองแตกต่างกันไป ตั้งแต่ความคุ้มครองขั้นต่ำไปจนถึงครอบคลุมทุกความเสี่ยง

 

ทำไมควรมีประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ?

แม้ว่า พ.ร.บ. จะให้ความคุ้มครองผู้ประสบภัย แต่ก็มีวงเงินจำกัด และไม่ได้คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของคุณหรือรถยนต์ของคู่กรณีทั้งหมด หากคุณเป็นฝ่ายผิด ประกันภาคสมัครใจจะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้

ประเภทประกันรถยนต์ภาคสมัครใจยอดนิยม:

  1. ประกันภัยชั้น 1: ให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุด ทั้งความเสียหายต่อรถยนต์ของคุณและคู่กรณี, รถหาย, ไฟไหม้, น้ำท่วม และความเสียหายต่อบุคคลภายนอก เหมาะสำหรับรถใหม่ หรือผู้ที่ต้องการความอุ่นใจสูงสุด

  2. ประกันภัยชั้น 2+: คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของคุณ (เฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะทางบกและมีคู่กรณี), ความเสียหายต่อรถยนต์คู่กรณี, รถหาย, ไฟไหม้, และความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ราคาประหยัดกว่าชั้น 1 แต่ยังให้ความคุ้มครองที่น่าพอใจ

  3. ประกันภัยชั้น 3+: คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของคุณ (เฉพาะกรณีชนกับยานพาหนะทางบกและมีคู่กรณี), ความเสียหายต่อรถยนต์คู่กรณี, และความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ไม่คุ้มครองรถหาย ไฟไหม้

  4. ประกันภัยชั้น 3: ให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อรถยนต์คู่กรณี และความเสียหายต่อบุคคลภายนอก ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของคุณ และไม่มีความคุ้มครองเรื่องรถหาย ไฟไหม้ เหมาะสำหรับผู้ที่ขับขี่อย่างระมัดระวังและต้องการเบี้ยประกันราคาประหยัด

สรุป: ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจคือการลงทุนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดภาระทางการเงินที่คุณอาจต้องแบกรับจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน

เลือกแบบไหนให้คุ้มค่า ปลอดภัยทุกการเดินทาง?

การเลือกระหว่าง พ.ร.บ. และประกันภัยภาคสมัครใจ (หรือเลือกทั้งคู่) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่:

  1. งบประมาณ: หากงบจำกัด พ.ร.บ. คือสิ่งที่คุณต้องมีเป็นอันดับแรก หากมีงบประมาณเพิ่มขึ้น การทำประกันภาคสมัครใจก็จะเป็นการเพิ่มความคุ้มครอง

  2. อายุรถยนต์และมูลค่ารถ:

    • รถใหม่หรือรถที่มีมูลค่าสูง: ควรทำประกันชั้น 1 เพื่อให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด

    • รถที่มีอายุพอสมควร (3-7 ปี): ประกันชั้น 2+ หรือ 3+ อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เนื่องจากให้ความคุ้มครองครอบคลุมในราคาที่ย่อมเยา

    • รถเก่าหรือรถที่ใช้งานน้อยมาก: ประกันชั้น 3 อาจเพียงพอ หากคุณมั่นใจในทักษะการขับขี่และยอมรับความเสี่ยงได้

  3. พฤติกรรมการขับขี่:

    • ขับบ่อย เดินทางไกล หรือมือใหม่: การมีประกันภัยที่คุ้มครองความเสียหายต่อรถของคุณเองเป็นสิ่งสำคัญ

    • ขับขี่ระมัดระวัง ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ: อาจพิจารณาประกันชั้นที่รองลงมา

  4. ความถี่ในการใช้รถ: หากใช้รถเป็นประจำทุกวัน ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุย่อมสูงขึ้น การมีประกันที่ครอบคลุมจึงเป็นสิ่งจำเป็น

คำแนะนำจาก Trainingzenter.com:

เราแนะนำให้คุณมีทั้ง “พ.ร.บ. รถยนต์ภาคบังคับ” และ “ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ” ควบคู่กันไป เพื่อให้คุณได้รับการคุ้มครองที่ครบวงจรและปลอดภัยที่สุด เพราะ พ.ร.บ. ให้ความคุ้มครองบุคคล ส่วนประกันภาคสมัครใจให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของคุณและคู่กรณี ซึ่งจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการจัดการกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันบนท้องถนน

 

การเลือกประเภทประกันที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณอุ่นใจทุกครั้งที่ออกเดินทาง ไม่ต้องกังวลกับภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมากหากเกิดอุบัติเหตุ และทำให้การขับขี่ของคุณเป็นไปอย่างปลอดภัยและราบรื่นยิ่งขึ้นครับ

>> สนใจสมัครอบรม

Facebook : Training Zenter

Line : @961zauzv( มี@ข้างหน้า )

โทรศัพท์ : 094-3955222

บทความล่าสุด

ข่าวล่าสุด