ตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี (ตรอ.): ทำไมต้องทำ? และเตรียมตัวอย่างไรให้ผ่านฉลุยกับกรมการขนส่งทางบก

ตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี (ตรอ.): ทำไมต้องทำ? และเตรียมตัวอย่างไรให้ผ่านฉลุยกับกรมการขนส่งทางบก

สำหรับเจ้าของรถยนต์ทุกคน หนึ่งในภารกิจประจำปีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือการนำรถไป “ตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ตรวจ ตรอ.” หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องทำ? และควรเตรียมตัวอย่างไรให้การตรวจสภาพเป็นไปอย่างราบรื่น Trainingzenter.com จะพาคุณไปเจาะลึกทุกประเด็น เพื่อให้รถของคุณพร้อมใช้งาน ปลอดภัย และถูกต้องตามกฎหมายครับ

ตรอ. คืออะไร? ทำไมต้องตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี?

ตรอ. ย่อมาจาก “สถานตรวจสภาพรถเอกชน” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ให้ทำหน้าที่ตรวจสภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามเกณฑ์ที่กำหนด

การตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีมีความสำคัญอย่างยิ่งด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้:

  1. เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่: การตรวจสภาพรถยนต์เป็นการตรวจสอบความพร้อมของระบบและอุปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญต่อความปลอดภัย เช่น ระบบเบรก, ระบบไฟส่องสว่าง, สภาพยาง, ช่วงล่าง, พวงมาลัย ซึ่งหากชำรุด อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ การตรวจสภาพช่วยให้คุณมั่นใจว่ารถของคุณอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานและปลอดภัยบนท้องถนน

  2. รักษาสิ่งแวดล้อม: รถยนต์ที่ปล่อยไอเสียเกินมาตรฐานที่กำหนดเป็นสาเหตุหนึ่งของมลพิษทางอากาศ การตรวจสภาพไอเสียจึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยควบคุมปริมาณควันดำและมลพิษ เพื่อคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น

  3. ปฏิบัติตามกฎหมาย: ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 กำหนดให้รถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานครบตามที่กำหนด ต้องเข้ารับการตรวจสภาพประจำปี หากไม่ดำเนินการ จะไม่สามารถต่อภาษีรถยนต์ประจำปีได้ และมีโทษปรับตามกฎหมาย

รถแบบไหนที่ต้องตรวจ ตรอ.?

  • รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (ป้ายดำ) และรถจักรยานยนต์: เมื่อมีอายุครบ 5 ปีนับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก

  • รถยนต์ส่วนบุคคลเกิน 7 คน, รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (ป้ายเขียว): เมื่อมีอายุครบ 7 ปีนับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก

  • รถที่ค้างชำระภาษีรถยนต์เกิน 1 ปี: จะต้องผ่านการตรวจสภาพรถยนต์ก่อนจึงจะชำระภาษีได้

  • รถที่ดัดแปลงสภาพ: เช่น เปลี่ยนเครื่องยนต์, เปลี่ยนสี, ติดตั้งโครงหลังคาหรืออุปกรณ์พิเศษ ต้องนำรถไปตรวจสภาพและยื่นเรื่องขอแก้ไขรายการในใบคู่มือจดทะเบียนรถ ณ สำนักงานขนส่งที่รถนั้นจดทะเบียนอยู่

Tip: คุณสามารถตรวจสภาพล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือนก่อนวันครบกำหนดต่อภาษีรถยนต์

เตรียมตัวอย่างไรให้รถผ่านฉลุยกับกรมการขนส่งทางบก?

การเตรียมความพร้อมก่อนนำรถเข้าตรวจ ตรอ. จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาและไม่ต้องเสียเวลามาแก้ไขข้อบกพร่องบ่อยๆ นี่คือเช็คลิสต์สิ่งที่คุณควรตรวจสอบเบื้องต้น:

  1. ระบบไฟส่องสว่างและสัญญาณ:

    • ไฟหน้า: ไฟสูง-ต่ำ ต้องติดครบทั้งสองข้าง และมีความสว่างเพียงพอ ไม่เอียงหรือบอด

    • ไฟเลี้ยว: ซ้าย-ขวา หน้า-หลัง ต้องติดครบทุกดวง และกระพริบปกติ

    • ไฟท้าย: ไฟหรี่, ไฟเบรก, ไฟถอย ต้องติดครบและทำงานปกติ

    • แตร: ต้องดังและเสียงไม่ผิดเพี้ยน

  2. ยางรถยนต์:

    • สภาพดอกยาง: ต้องไม่สึกหรอจนถึงสะพานยาง หรือมีลักษณะยางบวม/ฉีกขาด

    • แรงดันลมยาง: ตรวจสอบให้เหมาะสมกับรถและน้ำหนักบรรทุก

  3. ระบบเบรก:

    • ผ้าเบรก: ไม่บางจนเกินไป

    • น้ำมันเบรก: อยู่ในระดับปกติ ไม่มีรอยรั่วซึม

    • เบรกมือ: สามารถใช้งานได้ดี ไม่มีอาการหย่อนหรือหลวม

  4. อุปกรณ์สำคัญที่กฎหมายกำหนด:

    • ที่ปัดน้ำฝนและน้ำฉีดกระจก: ต้องทำงานได้ดี

    • เข็มขัดนิรภัย: ต้องอยู่ในสภาพดี ไม่ชำรุด และสามารถใช้งานได้ปกติ

    • กระจกมองข้าง: ต้องมีครบทั้งสองข้าง และอยู่ในสภาพดี ไม่แตกร้าว

  5. การปล่อยไอเสีย:

    • เครื่องยนต์: ควรอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ (ควันขาวหรือควันดำผิดปกติ) เพื่อให้ค่าไอเสียผ่านเกณฑ์มาตรฐาน

    • ไส้กรองอากาศ: ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์

  6. สภาพตัวถังรถ:

    • โครงสร้างรถ: ต้องไม่มีร่องรอยการดัดแปลงที่ผิดไปจากเดิมมากนัก เช่น การตัดต่อตัวถัง (ยกเว้นกรณีดัดแปลงและแจ้งแก้ไขในเล่มทะเบียนแล้ว)

    • เลขเครื่องยนต์และเลขตัวถัง: ต้องตรงกับข้อมูลในใบคู่มือจดทะเบียน

เอกสารที่ต้องเตรียมไป ตรอ.:

ใบคู่มือจดทะเบียนรถ (ตัวจริงหรือสำเนา)

ขั้นตอนการตรวจสภาพรถที่ ตรอ.:

  • นำรถพร้อมใบคู่มือจดทะเบียนรถ (หรือสำเนา) ไปที่ ตรอ. ที่ได้รับอนุญาต

  • เจ้าหน้าที่ ตรอ. จะดำเนินการตรวจสภาพรถตามขั้นตอนที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

  • หากรถผ่านการตรวจสภาพ เจ้าหน้าที่ ตรอ. จะออกใบรับรองการตรวจสภาพรถ (ใบ ตรอ.) ให้

  • นำใบรับรองการตรวจสภาพรถ และเอกสารอื่นๆ (เช่น พ.ร.บ. รถยนต์) ไปดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ที่สำนักงานขนส่ง หรือช่องทางอื่นที่กรมการขนส่งทางบกให้บริการ

หากรถไม่ผ่านการตรวจสภาพ:

เจ้าหน้าที่จะแจ้งจุดบกพร่องให้คุณทราบ คุณจะต้องนำรถไปแก้ไขซ่อมแซมจุดบกพร่องนั้นๆ ให้เรียบร้อย แล้วนำรถกลับมาตรวจสภาพซ้ำอีกครั้ง (โดยปกติจะให้ระยะเวลาในการแก้ไขและกลับมาตรวจซ้ำภายใน 15-30 วัน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจซ้ำ)

บทสรุป

การตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีที่ ตรอ. ไม่ใช่เพียงแค่ขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์เท่านั้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลรักษารถให้พร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย และแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมในการรักษาสิ่งแวดล้อม การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้ารับการตรวจ จะช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ทำให้คุณอุ่นใจทุกครั้งที่ออกเดินทางไปกับรถคู่ใจครับ

>> สนใจสมัครอบรม

Facebook : Training Zenter

Line : @961zauzv( มี@ข้างหน้า )

โทรศัพท์ : 094-3955222

บทความล่าสุด

ข่าวล่าสุด