Author name: administrator

ต่ออายุ TSM

TSM ใกล้หมดอายุแล้วใช่ไหม? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้จัดการด้านความปลอดภัย (TSM) รุ่นแรก ที่ใบอนุญาตกำลังจะหมดในปี 2568

TSM ใกล้หมดอายุแล้วใช่ไหม? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้จัดการด้านความปลอดภัย (TSM) รุ่นแรก ที่ใบอนุญาตกำลังจะหมดในปี 2568

หากคุณคือหนึ่งในผู้จัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) รุ่นบุกเบิกที่เข้ารับการอบรมในปี 2565 และกำลังกังวลว่าใบประกอบวิชาชีพ TSM ของคุณกำลังจะหมดอายุในปี 2568 นี้ คุณมาถูกทางแล้วครับ! บทความนี้จะให้ข้อมูลครบถ้วนที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการต่ออายุใบอนุญาต TSM เพื่อให้คุณสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องและถูกกฎหมาย

ทำไมใบอนุญาต TSM ของคุณถึงหมดอายุในปี 2568?

ใบประกอบวิชาชีพ TSM มีอายุ 3 ปี นับจากวันประกาศขึ้นทะเบียน สำหรับผู้ที่อบรมในปี 2565 ใบอนุญาตของคุณจึงกำลังจะหมดอายุลงในปี 2568 หากไม่มีการดำเนินการต่ออายุ คุณจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ TSM ได้อีกต่อไป

 

วิธีการในการเช็ควันหมดอายุ TSM

วิธีการดูวันหมดอายุ TSM

หมดอายุแล้วต้องทำอย่างไร? เตรียมตัวต่ออายุใบอนุญาต TSM

 

ไม่ต้องกังวล! กรมการขนส่งทางบกได้วางแนวทางสำหรับการต่ออายุใบอนุญาต TSM ไว้แล้ว โดยมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยากดังนี้:

 

1. รู้เวลาที่เหมาะสม: ต่อล่วงหน้าได้กี่เดือน? คุณสามารถเริ่มดำเนินการต่ออายุใบประกอบวิชาชีพ TSM ได้ ล่วงหน้าสูงสุด 6 เดือน ก่อนวันหมดอายุที่ระบุบนใบอนุญาตของคุณ ดังนั้นหากใบอนุญาตของคุณจะหมดในกลางปี 2568 คุณสามารถเริ่มเตรียมตัวและดำเนินการต่ออายุได้ตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นไป

2. ขั้นตอนการต่ออายุใบอนุญาต TSM: ทำอย่างไร?เนื้อหา: การอบรมจะเน้นการทบทวนกฎระเบียบใหม่ๆ ความรู้ด้านความปลอดภัย การจัดการพนักงานขับรถ และแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่สำคัญเข้ารับการอบรมเพื่อต่ออายุ (3 ชั่วโมง): นี่คือหัวใจสำคัญของการต่ออายุ! คุณจะต้องเข้ารับการอบรมทบทวนความรู้ด้านความปลอดภัยในการขนส่ง โดย หลักสูตรสำหรับการต่ออายุ TSM จะใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมง ซึ่งแตกต่างจากหลักสูตรครั้งแรกที่ใช้เวลา 6 ชั่วโมง หรือ 18 ชั่วโมง

    • ลงทะเบียนพิสูจน์และยืนยันตัวตน: ดำเนินการผ่านระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DGA Digital ID) ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เพื่อความถูกต้องและโปร่งใสในการทำธุรกรรม
    • ยื่นคำขอต่ออายุ: เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น รูปถ่าย และหนังสือรับรองประสบการณ์การทำงาน (หากมีและเป็นไปตามข้อกำหนด) เพื่อยื่นคำขอต่ออายุ
    • ผ่านการอบรมตามที่กำหนด: เมื่อคุณเข้ารับการอบรมครบถ้วนตามหลักสูตร 3 ชั่วโมง ถือว่าคุณผ่านเกณฑ์การต่ออายุเบื้องต้น
    • ประกาศขึ้นทะเบียน: หลังจากดำเนินการทุกขั้นตอนเรียบร้อย การขึ้นทะเบียนของคุณจะถูกประกาศอย่างเป็นทางการผ่านเว็บไซต์ www.tsmthai.com ซึ่งคุณสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานะได้

จะหาที่อบรม TSM ต่ออายุได้จากที่ไหน?

 

การอบรมเพื่อต่ออายุ TSM สามารถทำได้ผ่านหน่วยงานที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกโดยตรง ซึ่งมีหลายแห่งให้เลือก:

    1. เว็บไซต์ https://www.google.com/search?q=TSMThai.com: เว็บไซต์หลักของระบบจัดการบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (TSM) ของกรมการขนส่งทางบก เป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในการค้นหารายชื่อหน่วยอบรมที่ได้รับการรับรอง รวมถึงตารางการอบรมที่กำลังจะมาถึง
    1. สถาบันฝึกอบรมภาคเอกชนอื่นๆ: มีสถาบันและบริษัทเอกชนหลายแห่งที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกให้จัดอบรม TSM โดยเฉพาะหลักสูตรต่ออายุ 3 ชั่วโมง แนะนำ อบรมกับทางหน่วยฝึกอบรม บริษัท ไอดี ไดรฟ์ จำกัด
      สามารถติดต่อสอบถามได้เลย คลิ๊ก!!

ข้อแนะนำเพิ่มเติมในการเลือกหน่วยอบรม:

    • ตรวจสอบสถานะการรับรอง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน่วยงานที่คุณเลือกได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกอย่างถูกต้อง
    • สอบถามรายละเอียด: ติดต่อสอบถามเกี่ยวกับวันเวลาที่อบรม ค่าใช้จ่าย เอกสารที่ต้องใช้ และวิธีการลงทะเบียนโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุด
    • เตรียมเอกสาร: โดยทั่วไป คุณอาจจะต้องใช้สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาใบรับรอง TSM เดิม
  •  

 

อย่ารอให้หมดอายุ! วางแผนการต่ออายุ TSM ล่วงหน้า

 

การต่ออายุใบประกอบวิชาชีพ TSM เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้คุณสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้จัดการด้านความปลอดภัยได้อย่างต่อเนื่องและถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการขาดช่วงหรือการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง โปรดเริ่มวางแผนและดำเนินการต่ออายุล่วงหน้า 6 เดือนก่อนใบอนุญาตจะหมดอายุ

 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้จัดการด้านความปลอดภัย TSM ทุกท่านที่กำลังจะต่ออายุใบอนุญาตครับ!

>> สนใจสมัครอบรม

<<☎️ โทร: 098-2610126

🔰 LINE: @iddrives (มีเครื่องหมาย@ข้างหน้า)

📧 e-mail: idcontact@iddrives.co.th

TSM ใกล้หมดอายุแล้วใช่ไหม? คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับผู้จัดการด้านความปลอดภัย (TSM) รุ่นแรก ที่ใบอนุญาตกำลังจะหมดในปี 2568 Read More »

การอบรม EVOC

EVOC (Emergency Vehicle Operator Course) ไม่ใช่แค่การขับรถเร็ว แต่คือการฝึกฝนทักษะขั้นสูง

อบรม EVOC (Emergency Vehicle Operator Course) 🎉🚑EVOC หรือหลักสูตรขับขี่ยานพาหนะฉุกเฉิน ไม่ใช่แค่การขับรถเร็ว แต่คือการฝึกฝนทักษะขั้นสูง ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ขับขี่รถพยาบาล ดับเพลิง หรือตำรวจ สามารถควบคุมรถในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด เรียนรู้กฎหมาย เทคนิคการขับขี่ในสภาวะต่างๆ และการตัดสินใจที่รวดเร็วแม่นยำ EVOC จึงเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติงานฉุกเฉิน ที่ทุกวินาทีมีความหมายต่อชีวิต

——————————————————

>> สนใจสมัครอบรม

<<☎️ โทร: 098-2610126

🔰 LINE: @iddrives (มีเครื่องหมาย@ข้างหน้า)

📧 e-mail: idcontact@iddrives.co.th

EVOC (Emergency Vehicle Operator Course) ไม่ใช่แค่การขับรถเร็ว แต่คือการฝึกฝนทักษะขั้นสูง Read More »

“Transport Safety Manager (TSM) : ปั้นคุณให้เป็นเซียน ป้องกันทุกอุบัติเหตุ”

เคยไหมที่เห็นรถบรรทุกคันใหญ่แล่นผ่าน แล้วคิดว่า “คนขับเก่งจัง ควบคุมรถได้ยังไง?” หรือกังวลทุกครั้งที่ต้องเดินทางไกล ๆ ว่าจะปลอดภัยไหมนะ? ถ้าคำตอบคือ “ใช่!” ล่ะก็… เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเรามีคอร์สที่จะเปลี่ยนคุณให้กลายเป็น “จอมยุทธ์แห่งความปลอดภัยบนท้องถนน” แล้ว!

ขอเชิญทุกท่านมาลับคมความคิด พิชิตทุกอุปสรรคบนเส้นทาง กับหลักสูตร “Transport Safety Manager (TSM) : ปั้นคุณให้เป็นเซียน ป้องกันทุกอุบัติเหตุ” 🎉

ทำไมต้องมาเรียนกับเรา? 🤔
สนุกจนลืมง่วง : บอกลาคอร์สเรียนน่าเบื่อไปได้เลย! เรามี Case Study สุดเข้มข้น ที่จะทำให้คุณเรียนรู้แบบไม่รู้ตัว แถมยังได้เพื่อนใหม่คอเดียวกันเพียบ! 😜
เข้าใจง่าย สไตล์เป็นกันเอง : อาจารย์ของเราไม่ใช่แค่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ยังเป็นพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่พร้อมถ่ายทอดความรู้แบบไม่มีกั๊ก ใช้ภาษาบ้าน ๆ ที่ฟังแล้วเก็ตเลย ไม่ต้องกลัวศัพท์เทคนิคยาก ๆ ให้ปวดหัว 🤯
ความรู้แน่นปึ้ก ครบทุกกระบวนท่า : ตั้งแต่พื้นฐานกฎหมายจราจร การวิเคราะห์อุบัติเหตุ การบริหารจัดการความเสี่ยง ไปจนถึงเทคนิคการสื่อสารและภาวะผู้นำ เราจัดเต็มทุกเนื้อหาที่คุณต้องรู้ เพื่อให้คุณเป็น Transport Safety Manager (TSM) ที่ “เอาอยู่” ทุกสถานการณ์ 💪
โอกาสก้าวหน้าในอาชีพ : องค์กรไหน ๆ ก็ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทั้งนั้น! การมีใบประกาศนียบัตรจากหลักสูตรของเรา จะช่วยอัปเกรดโปรไฟล์ของคุณให้โดดเด่น เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน แถมยังช่วยให้คุณมีโอกาสเติบโตในสายงานนี้อีกด้วย 🚀

เรียนแล้วได้อะไร? คุ้มค่าเกินเบอร์! 😎
เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย: คุณจะมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับหลักการและแนวทางการจัดการความปลอดภัยในการขนส่ง
ป้องกันและลดอุบัติเหตุ : คุณจะสามารถวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยง วางแผนป้องกัน และ implement มาตรการความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย : คุณจะเป็นผู้นำในการสร้างจิตสำนึกและความตระหนักด้านความปลอดภัยให้กับองค์กร
เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร : การมี Transport Safety Manager (TSM) ที่มีความรู้ความสามารถ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและคู่ค้า
ได้ Connection เพียบ : คุณจะได้พบปะและแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนร่วมอาชีพ สร้างเครือข่ายที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต

ใครควรมาเรียน? 🤔
ผู้ที่ทำงานในธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์
ผู้ที่สนใจและต้องการพัฒนาความรู้ด้านความปลอดภัยในการขนส่ง
ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสายงานมาเป็น Transport Safety Manager (TSM)
หัวหน้างานหรือผู้บริหารที่ต้องการเสริมสร้างทีมงานด้านความปลอดภัย

อย่ารอช้า! โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ! รีบสมัครเลย แล้วมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Transport Safety Manager (TSM) ที่จะร่วมกันสร้างสรรค์ท้องถนนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน! 💖
——————————————————–
>> สนใจสมัครอบรม <<
☎️ โทร: 093-4083377
🔰 LINE: @iddrives (มีเครื่องหมาย@ข้างหน้า)
📧 e-mail: idcontact@iddrives.co.th
🌎https://www.trainingzenter.com/

“Transport Safety Manager (TSM) : ปั้นคุณให้เป็นเซียน ป้องกันทุกอุบัติเหตุ” Read More »

“TSM” สำคัญยังไง? หาอย่างไร? ทำไมต้องมี?

เรียน ผู้ประกอบการขนส่งทุกท่าน

ในโลกของการขนส่งทางถนน ความปลอดภัยถือเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน กรมการขนส่งทางบกได้กำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต้องมี บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (Transport Safety Manager : TSM) เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการขนส่ง  

TSM สำคัญไฉน? ทำไมผู้ประกอบการขนส่งต้องมี?

TSM มีหน้าที่หลัก 5 ด้าน ได้แก่

  1. การจัดการรถ
  2. การจัดการผู้ขับรถ
  3. การจัดการการเดินรถ
  4. การจัดการการบรรทุกและการโดยสาร
  5. การบริหารจัดการการวิเคราะห์และประเมินผล  

หน้าที่เหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในการขนส่ง หากผู้ประกอบการขนส่งไม่มี TSM ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด จะส่งผลกระทบดังนี้

  • เสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี: ผู้ประกอบการขนส่งที่ฝ่าฝืน ไม่จัดให้มี TSM ตามที่กำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท  
  • เกิดความไม่ปลอดภัยในการขนส่ง: การขาด TSM อาจนำไปสู่การจัดการความปลอดภัยที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุและความเสียหาย

กำหนดการบังคับใช้ TSM

กรมการขนส่งทางบกได้ออกประกาศ เรื่อง กำหนดคุณสมบัติ หลักสูตร ระยะเวลาการฝึกอบรม และหน้าที่ของบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (Transport Safety Manager : TSM) พ.ศ. 2564 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว  

โดยมีการบังคับใช้กับผู้ประกอบการขนส่งเป็นกลุ่ม ดังนี้

  • กลุ่มแรก (บังคับใช้แล้ว):
    • ผู้ประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถโดยสาร หมวด 1 กทม. และจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง และหมวด 2 รายเดิมทุกราย
    • ผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถโดยสารรายเดิมที่มีรถตั้งแต่ 51 คันขึ้นไป
    • ผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถบรรทุกรายเดิมทุกรายที่มีรถขนส่งวัตถุอันตราย
    • ผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถบรรทุกรายเดิมที่มีรถตั้งแต่ 101 คันขึ้นไป
    • ผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลด้วยรถบรรทุกรายเดิมที่มีรถขนส่งวัตถุอันตราย ตั้งแต่ 6 คันขึ้นไป
    • ผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลรายเดิมทุกรายที่มีรถตั้งแต่ 101 คันขึ้นไป
    • ผู้ขอรับ (รายใหม่) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารประจำทาง และไม่ประจำทาง (ผู้ขอเป็นนิติบุคคล) ทุกราย ผู้ขอรับ (รายใหม่) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกไม่ประจำทางและส่วนบุคคลทุกรายที่มีรถตั้งแต่ 11 คันขึ้นไป  
  • กลุ่มอื่น ๆ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 และวันที่ 1 มกราคม 2568 ตามลำดับ 

หา TSM ได้จากที่ไหน? ไอดี ไดรฟ์ พร้อมช่วยเหลือ

สำหรับผู้ประกอบการขนส่งที่กำลังมองหา TSM หรือต้องการ TSM มาร่วมงาน บริษัท ไอดี ไดรฟ์ จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาบุคลากรด้านความปลอดภัยในการขนส่ง เราผลิต TSM ที่มีคุณภาพ มากกว่า 300 คน และมีบุคลากร TSM กว่า 150 ท่าน ที่ขึ้นทะเบียนให้บริษัท ไอดี ไดรฟ์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาในการดูแลลูกค้า  

ไอดี ไดรฟ์ จำกัด ให้บริการ

  • จัดหา TSM ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
  • ให้คำปรึกษาและสนับสนุนการทำงานของ TSM
  • อัปเดตความรู้และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ติดต่อ ไอดี ไดรฟ์ จำกัด

หากผู้ประกอบการขนส่ง ต้องการ TSM หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่
ine : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 0934083377,080-3255665 (คุณไพโรจน์ พัฒนไพบูลย์สิน ผู้จัดการบริษัท ไอดี ไดรฟ์ จำกัด)
อีเมล : contact@iddrives.co.th

ไอดี ไดรฟ์ จำกัด มุ่งมั่นที่จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของผู้ประกอบการขนส่งในการสร้างระบบการขนส่งที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ขอบคุณข้อมูลจาก 

เพิ่มเพื่อน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก https://atg.dlt.go.th/th/newsdltangthong/50326

“TSM” สำคัญยังไง? หาอย่างไร? ทำไมต้องมี? Read More »

TSM สำคัญไฉน?ขนส่งฯถึงบังคับให้ผู้ประกอบการต้องมี!

เชื่อว่าหลายๆท่านในที่นี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการขนส่งรายใหญ่-กลาง-เล็ก หรือแม้แต่พนักงานขับรถโดยสาร-รถบรรทุกเองคงได้ยินได้ฟังผ่านหูผ่านตาในโลกข่าวสารมาบ้างแล้วไม่มากน้อยก็น้อย กับคำว่า“บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง” (Transport Safety Manager : TSM) ที่กรมขนส่งฯได้จุดพลุเรื่องนี้มาตั้งแต่ 2564

หวังสร้างความปลอดภัย และลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากการขนส่งทางถนนท่ามกลางเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบดังก้องเป็นเรื่อง“ยุ่งยากแถมเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ”พร้อมได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 และถึงวันนี้หลังเปิดศักราชใหม่ 2566 มาก็มีผลเริ่มบังคับใช้แล้ว

ล่าสุด (5ม.ค.2566)กรมขนส่งฯก็ออกโรงตอกหัวตะปูย้ำว่าผู้ประกอบการขนส่งต้องมีบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (Transport Safety Manager : TSM) ที่เริ่มบังคับใช้กับผู้ประกอบการขนส่งกลุ่มแรก ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พร้อมกำชับว่าหากผู้ประกอบการไม่มีบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งที่ว่านี้ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท  

แล้วถามว่าบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่งสำคัญไฉนถึงต้องมี?มีหน้าที่หลักอะไรบ้าง?และผู้ประกอบการขนส่งกลุ่มไหนบ้างที่โชคดีถูกหวยเบอร์ใหญ่ในการบังคับใช้กลุ่มแรกนี้ ไปดูรายละเอียดกัน!

อย่างที่เกริ่นไว้แล้วว่ากรมขนส่งฯมุ่งหวังเพื่อสร้างความปลอดภัย และลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นจากการขนส่งทางถนนเป็นหลักถึงได้ออกประกาศบังคับใช้กับผู้ประกอบการขนส่งต้องจัดให้มีบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง (Transport Safety Manager : TSM) ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการขนส่งประจำทางและไม่ประจำทางด้วยรถโดยสาร ผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถบรรทุก และผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลทุกราย

โดย Transport Safety Manager : TSM มีหน้าที่หลัก 5 ด้าน ได้แก่

1.การจัดการรถ

2.การจัดการผู้ขับรถ

3.การจัดการการเดินรถ

4.การจัดการการบรรทุกและการโดยสาร

และ5.การบริหารจัดการการวิเคราะห์และประเมินผล

ส่วนผู้ประกอบการขนส่งกลุ่มแรกที่ถูกบังคับใช้นั้น ได้แก่

1) ผู้ประกอบการขนส่งประจำทางด้วยรถโดยสาร หมวด 1 กทม. และจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง และหมวด 2 รายเดิมทุกราย

2) ผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถโดยสารรายเดิมที่มีรถตั้งแต่ 51 คันขึ้นไป

3) ผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถบรรทุกรายเดิมทุกรายที่มีรถขนส่งวัตถุอันตราย

4) ผู้ประกอบการขนส่งไม่ประจำทางด้วยรถบรรทุกรายเดิมที่มีรถตั้งแต่ 101 คันขึ้นไป

5) ผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลด้วยรถบรรทุกรายเดิมที่มีรถขนส่งวัตถุอันตราย ตั้งแต่ 6 คันขึ้นไป 6) ผู้ประกอบการขนส่งส่วนบุคคลรายเดิมทุกรายที่มีรถตั้งแต่ 101 คันขึ้นไป

7) ผู้ขอรับ (รายใหม่) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วยรถโดยสารประจำทาง และไม่ประจำทาง (ผู้ขอเป็นนิติบุคคล) ทุกราย

8) ผู้ขอรับ (รายใหม่) ใบอนุญาตประกอบการขนส่งด้วยรถบรรทุกไม่ประจำทางและส่วนบุคคลทุกรายที่มีรถตั้งแต่ 11 คันขึ้นไป

สำหรับผู้ประกอบการขนส่งกลุ่มอื่นนอกเหนือจากนี้จะมีการบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2567 และวันที่ 1 มกราคม 2568 ตามลำดับ ซึ่งต้องตามติดในรายละเอียดอีกครั้งว่ากลุ่มอื่นที่รอดการบังคับใช้ขบวนแรกนี้มีกลุ่มไหนบ้าง?

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ภายใต้ข้อบังคับเดียวกันนี้กลุ่มอื่นที่เหลือที่รอดในขบวนแรกในครั้งนี้เมื่อถึงเวลานั้นทุกกลุ่มก็จะมีผลบังคับใช้อยู่ดีไม่มีข้อยกเว้น!

cr: logisticstime.net

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 0934083377
อีเมล : contact@iddrives.co.th

TSM สำคัญไฉน?ขนส่งฯถึงบังคับให้ผู้ประกอบการต้องมี! Read More »

ภารกิจของ TSM บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง

บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง

มีหน้าที่ดำเนินการวางแผนและจัดการเดินรถ ตรวจความพร้อมของรถ เช่น อุปกรณ์ส่วนควบ อุปกรณ์ความปลอดภัยก่อนออกเดินทาง เป็นต้น ตรวจสอบและติดตามการเดินรถ จัดทำรายงานอุบัติเหตุพร้อมวิเคราะห์ และเก็บรักษาข้อมูล ซึ่งการปฏิบัติงานของผู้จัดการความปลอดภัยการขนส่งทางถนน แบ่งเป็น 5 กลุ่ม

การจัดการรถ

  • จัดให้มีแผนการบำรุงรักษารถตามกำหนดรอบระยะทางหรือระยะเวลาในการใช้รถ
  • ตรวจสอบสภาพความพร้อม ตรวจเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ อุปกรณ์ความปลอดภัยประจำรถ
  • เก็บข้อมูลเกี่ยวกับรถอย่างเป็นระบบ เช่น ประวัติการบำรุงรักษาและซ่อมรถ

การจัดการผู้ขับรถ

  • กำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ขับรถ
  • กำหนดแผนปฏิบัติการของผู้ขับรถ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ขับรถพักผ่อนอย่างเพียงพอ
  • ตรวจสอบความพร้อมของผู้ขับรถก่อนออกเดินทาง โดยการสัมภาษณ์พูดคุย สังเกตกริยาท่าทาง และการตอบสนองต่างๆ

การจัดการเดินรถ

  • กำหนดเส้นทางที่เหมาะสมในการขนส่ง โดยคำนึงถึงประเภทและชนิดของรถ ความชํานาญเส้นทางของผู้ขับรถ
  • กำหนดแผนปฏิบัติการและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถ เช่น การแจ้งเตือนจุดเสี่ยงหรือจุดอันตราย จุดพักรถระหว่างทางที่เหมาะสม
  • ตรวจสอบข้อมูลระหว่างการเดินทาง เช่น การใช้ความเร็ว ระยะเวลาการขับรถต่อเนื่อง
  • จัดเก็บข้อมูลการดำเนินการขนส่ง เพื่อนำมาวิเคราะห์และประเมินผลการจัดการความปลอดภัยในการขนส่ง ได้แก่ ข้อมูลเส้นทางและการเดินทาง การใช้ความเร็วของรถ ระยะเวลาการขับรถ การหยุดพักระหว่างการเดินทาง ข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น

การจัดการการบรรทุกและโดยสาร

  • การกำหนดรูปแบบและแนวทางในการบรรทุกคนโดยสารและสัมภาระ การบรรทุกสัตว์หรือสิ่งของ โดยมีวิธีการปฏิบัติงานขนส่งที่เหมาะสม
  • การตรวจสอบความปลอดภัยในการบรรทุกคนโดยสาร สัตว์ หรือสิ่งของ ทั้งในด้านจำนวน ปริมาณ และขนาด รวมถึงการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยต่างๆ

การบริหารจัดการ การวิเคราะห์และประเมินผล

  • การกำหนดรูปแบบและแนวทางการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ขั้นตอนการดำเนินการ ข้อมูลการติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง และวิธีจัดการเหตุที่เหมาะสม
  • การเตรียมความพร้อมในการรับแจ้งเหตุฉุกเฉิน การดำเนินการและประสานงานกับหน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขสถานการณ์หรือบรรเทาเหตุความเสียหายได้ทันท่วงที
  • การวิเคราะห์และประเมินผลการจัดการความปลอดภัยในการขนส่ง เพื่อดำเนินการปรับปรุงแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน และกำหนดมาตรการที่เหมาะสม ในการป้องกันการเกิดเหตุขึ้นอีกในอนาคต

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126
อีเมล : contact@iddrives.co.th

ภารกิจของ TSM บุคลากรจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง Read More »

เตือน !! หากองค์กรฝ่าฝืนและไม่มี TSM ประจำบริษัท ปรับแรงงงง

กรมการขนส่งทางบก ย้ำ!!! ผู้ประกอบการขนส่งต้องมีบุคลากรจัดการด้านความปลอดภัย ในการขนส่ง (Transport Safety Manager : TSM) เริ่มบังคับใช้กับผู้ประกอบการขนส่งกลุ่มแรก ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากฝ่าฝืน  มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท

จะเกิดอะไรขึ้นหากองค์กรฝ่าฝืนและไม่มี TSM ประจำบริษัท

TSM: หัวใจสำคัญของความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขนส่ง

ในยุคโลกาภิวัตน์ที่การขนส่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคม ความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขนส่งจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญที่องค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญ องค์กรที่มีระบบการขนส่งที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ย่อมส่งผลดีต่อทั้งตัวองค์กรเอง ลูกค้า และสังคมโดยรวม

TSM (Transport Safety Management) หรือ หัวหน้าระบบบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่ง เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนระบบการขนส่งให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ TSM มีหน้าที่หลักในการวางแผน ควบคุม กำกับดูแล และพัฒนาระบบการบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่ง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ส่งเสริมประสิทธิภาพการขนส่ง และสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วน

หน้าที่หลักของ TSM

TSM มีหน้าที่หลักดังต่อไปนี้

  • วางแผนและจัดทำระบบบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่ง: TSM จะต้องวิเคราะห์ความเสี่ยง กำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการ รวมทั้งจัดทำเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่ง
  • ควบคุมและกำกับดูแลการดำเนินงาน: TSM จะต้องตรวจสอบ ติดตาม และประเมินผลการดำเนินงานของระบบบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่ง รวมทั้งแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
  • พัฒนาระบบบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่ง: TSM จะต้องศึกษา เรียนรู้ และติดตามความรู้ใหม่ๆ รวมทั้งนำมาพัฒนาระบบบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • ฝึกอบรมและสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพนักงาน: TSM จะต้องฝึกอบรมและสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับพนักงานเกี่ยวกับระบบบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่ง รวมทั้งปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัยให้กับองค์กร

ประโยชน์ของการมี TSM

การมี TSM ประจำองค์กร ส่งผลดีต่อองค์กรในหลายๆ ด้าน ดังนี้

  • ลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ: TSM จะช่วยระบุและประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการขนส่ง และนำเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขความเสี่ยงเหล่านั้น ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ ส่งผลดีต่อทั้งพนักงาน ลูกค้า และภาพลักษณ์ขององค์กร
  • เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่ง: TSM จะช่วยบริหารจัดการงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เช่น การจัดการรถ การจัดการผู้ขับขี่ การจัดการการเดินรถ การจัดการการบรรทุกและการโดยสาร และการบริหารจัดการการวิเคราะห์และประเมินผล ซึ่งจะช่วยให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุน และเพิ่มผลกำไร
  • สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า: TSM จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า สินค้าและบริการขององค์กรมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ ซึ่งจะช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่และรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้
  • ปฏิบัติตามกฎหมาย: TSM จะช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการถูกปรับหรือถูกดำเนินคดี

ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่มี TSM

หากองค์กรไม่มี TSM ประจำองค์กร อาจส่งผลเสียต่อองค์กรในหลายๆ ด้าน ดังนี้

  • เสี่ยงต่อการถูกเปรียบเทียบปรับ: ตามประกาศกรมขนส่งทางบก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไปผู้ประกอบการขนส่งทุกรูปแบบ ต้องมี TSM ประจำองค์กร หากฝ่าฝืนจะมีโทษดังต่อไปนี้
    • ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
    • เปรียบเทียบปรับ
    • สั่งให้หยุดประกอบการขนส่งชั่วคราว
    • สั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่งกรณีที่ผู้ประกอบการขนส่งฝ่าฝืนซ้ำ กรมขนส่งทางบก มีอำนาจสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบการขนส่ง โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดระยะเวลาการพักใช้สิทธิ์นอกจากนี้ ผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่มี TSM ประจำองค์กร ยังมีความเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ หรือหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค อีกด้วยดังนั้น ผู้ประกอบการขนส่งทุกท่านควรปฏิบัติตามประกาศของกรมขนส่งทางบกอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน ลูกค้า และผู้ใช้ถนนคนอื่นๆทั้งนี้ ผู้ประกอบการขนส่งสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ TSM และวิธีการขอมี TSM ประจำองค์กรได้ที่เว็บไซต์ของกรมขนส่งทางบก https://www.dlt.go.th/**

ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นหากไม่มี TSM

  • เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ: องค์กรที่ไม่มี TSM อาจขาดระบบการบริหารจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ ส่งผลเสียต่อทั้งตัวองค์กรเอง พนักงาน ลูกค้า และภาพลักษณ์ขององค์กร
  • ประสิทธิภาพการขนส่งลดลง: องค์กรที่ไม่มี TSM อาจไม่มีระบบบริหารจัดการงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการขนส่งโดยรวม เช่น รถติดขัด สินค้าส่งล่าช้า ต้นทุนสูง และผลกำไรลดลง
  • เสียเปรียบคู่แข่ง: องค์กรที่มี TSM แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในความปลอดภัยและมีระบบการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งจะเป็นจุดดึงดูดลูกค้าและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร องค์กรที่ไม่มี TSM อาจเสียเปรียบคู่แข่งในด้านนี้

อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทธุรกิจ ขนาดองค์กร วัฒนธรรมองค์กร และความเชี่ยวชาญของบุคลากรที่มีอยู่

TSM มีบทบาทสำคัญต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขนส่ง องค์กรที่มี TSM ประจำองค์กร ย่อมส่งผลดีต่อทั้งตัวองค์กรเอง พนักงาน ลูกค้า และสังคมโดยรวม องค์กรควรพิจารณาผลดีผลเสียอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจว่าจะมี TSM ประจำองค์กรหรือไม่

หากองค์กรต้องการมี TSM ประจำองค์กร สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้าน TSM หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอคำปรึกษาและรับคำแนะนำเพิ่มเติม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126
อีเมล : contact@iddrives.co.th

เตือน !! หากองค์กรฝ่าฝืนและไม่มี TSM ประจำบริษัท ปรับแรงงงง Read More »

ควรเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ตอนไหน..ก่อน หรือหลังสตาร์ท

น้ำมันเครื่อง นับเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยหล่อลื่นและปกป้องเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แน่นอนว่าเมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะ น้ำมันเครื่องย่อมมีการเสื่อมสภาพและมีปริมาณที่ลดลงไปจากการเผาไหม้ ดังนั้นผู้ใช้รถยนต์ทุกท่านควรหมั่นตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่ามีปริมาณน้ำมันเพียงพอสำหรับหล่อลื่นให้กับเครื่องยนต์ทั้งระบบ สำหรับวิธีตรวจเช็คน้ำมันเครื่องนั้นไม่ยาก ผู้ใช้รถสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง เพียงดึงก้านวัดออกมาดู

อย่างไรก็ดีครับในเรื่องของการตรวจเช็คระดับน้ำมัน ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันมาหลายยุคหลายสมัยว่า ควรทำช่วงเวลาไหน บ้างก็ว่าต้องจอดรถทิ้งไว้ข้ามคืนวันรุ่งขึ้นค่อยมาเช็คดีที่สุด เพราะน้ำมันเครื่องจะไหลกลับลงอ่างอย่างเต็มที่ และหายร้อน จึงมีความข้นและเหนียวมากขึ้น เมื่อดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องขึ้นมาน้ำมันจะติดที่ก้านวัดได้ดีและแม่นยำ บางอู่บางสำนักก็บอกว่าหลังจากดับเครื่องสัก 4-5 นาที เพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงสู่อ่างน้ำมันเครื่องด้านล่างก็ตรวจได้ทันที แล้วแบบนี้ผู้ใช้รถควรเชื่อแบบใด

ซึ่งในความเป็นจริง หากทำตามข้อแนะนำว่าจอดทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วถ้าเอารถเข้าศูนย์ ลองคิดดูครับว่ากว่าช่างจะถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละทีคงทำงานได้ยากและใช้เวลานานมาก ดังนั้นการที่บอกว่าต้องรอข้ามคืนไม่น่าใช่เรื่องที่สมเหตุสมผลนัก เพราะช่างต้องรอวัด 6-8 ชม .แล้วจะส่งรถยังไง โดย ‘คู่มือรถ’ ส่วนใหญ่ก็ระบุขั้นตอนไว้ค่อนข้างชัดเจน ให้ติดเครื่องยนต์หรือทำงานจนร้อน จากนั้นดับเครื่องแล้วรอสักครู่ เพื่อให้น้ำมันไหลกลับอ่างน้ำมันเครื่อง นั่นคือ 1-5 นาที ถึงค่อยทำการวัดระดับ

สำหรับขั้นตอนการวัดระดับน้ำมันเครื่อง อันดับแรกต้องจอดรถให้อยู่ในแนวระนาบไม่ลาดเอียง เปิดฝากระโปรงรถยนต์ให้เรียบร้อย มองหาก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องและดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมา จากนั้นเช็ดทำความสะอาดน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดออกด้วยเศษผ้าหรือกระดาษทิชชู่ก็ได้ เสร็จแล้วเสียบก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิมอีกครั้ง เพื่อตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องที่มีอยู่ในอ่างน้ำมันเครื่อง ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่บริเวณปลายของก้านวัด

ถ้าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ระหว่างขีด F กับ L หรือ Max กับ Min แสดงว่าน้ำมันเครื่องอยู่ในระดับปกติ ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป

*ปริมาณน้ำมันเครื่องที่น้อยเกินไปหรือมากเกินไป อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ ที่สำคัญควรตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องอยู่เป็นประจำ ทุกๆ 1-2 สัปดาห์/ครั้ง หรือ อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก https://www.roojai.com/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126
อีเมล : contact@iddrives.co.th

ควรเช็คระดับน้ำมันเครื่อง ตอนไหน..ก่อน หรือหลังสตาร์ท Read More »

ข้อดีของการอบรม TSM : Transport Safety Manager

การอบรม Transport Safety Manager (TSM) เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นพัฒนาความรู้และทักษะเกี่ยวกับการจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ซึ่งมีประโยชน์มากมายทั้งต่อองค์กรและบุคคลที่เข้ารับการอบรม โดยประโยชน์หลักๆ มีดังนี้

1. เพิ่มความรู้ด้านความปลอดภัยในการขนส่ง

  • เข้าใจหลักการและมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่งสินค้าและคน
  • เรียนรู้กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เช่น พ.ร.บ. ขนส่งทางบก
  • เข้าใจวิธีการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

2. ลดอุบัติเหตุและความสูญเสีย

  • สามารถวิเคราะห์และลดปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
  • วางแผนและกำหนดมาตรการป้องกันอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปรับปรุงมาตรฐานการทำงานให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

3. เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการขนส่ง

  • จัดการการเดินรถให้มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น
  • ลดต้นทุนจากอุบัติเหตุหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
  • บริหารทีมงานขับรถให้ทำงานได้อย่างมีมาตรฐานและปลอดภัย

4. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร

  • การปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • ลดปัญหาการร้องเรียนหรือปัญหาทางกฎหมายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
  • ส่งเสริมให้บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัย

5. เพิ่มโอกาสก้าวหน้าในสายอาชีพ

  • ผู้ที่ผ่านการอบรมสามารถนำความรู้ไปใช้เพื่อพัฒนาตนเองและองค์กร
  • เปิดโอกาสให้เป็นที่ต้องการของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการขนส่ง
  • อาจได้รับตำแหน่งที่สูงขึ้น เช่น ผู้จัดการความปลอดภัย หรือหัวหน้าทีมขนส่ง

การอบรม TSM (Transport Safety Manager) เป็นหลักสูตรที่ช่วยเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง ช่วยลดอุบัติเหตุ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร รวมถึงเปิดโอกาสให้กับผู้เข้ารับการอบรมในสายอาชีพด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126
อีเมล : contact@iddrives.co.th

ข้อดีของการอบรม TSM : Transport Safety Manager Read More »

การอบรมหลักสูตร Defensive Driving Course (DDC) บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ที่ ศูนย์ฝึกอบรม Training Zenter (TZ)

 ทางศูนย์ฝึกอบรม Training Zenter (TZ) ได้จัดอบรมหลักสูตร Defensive Driving Course (DDC) ที่ ศูนย์ฝึกอบรม Training Zenter (TZ) โดยมีผู้เข้าอบรมจาก บริษัท ไทยน้ำทิพย์ เข้ารับการอบรม

ภาพบรรยากาศการอบรม:

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126
อีเมล : contact@iddrives.co.th

การอบรมหลักสูตร Defensive Driving Course (DDC) บริษัท ไทยน้ำทิพย์ ที่ ศูนย์ฝึกอบรม Training Zenter (TZ) Read More »

ทำไมต้องอบรม Transport Safety Manager : TSM ?

ความปลอดภัยในการขนส่งเป็นหัวใจสำคัญของทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าและการเดินทางของบุคคล หากไม่มีระบบบริหารจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ อุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ง่าย ส่งผลกระทบต่อทรัพย์สิน บุคลากร และชื่อเสียงขององค์กร ดังนั้น ตำแหน่ง Transport Safety Manager (TSM) จึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุม ดูแล และจัดการระบบความปลอดภัยให้เป็นไปตามมาตรฐาน

แต่การเป็น Transport Safety Manager ที่ดีนั้นต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และทักษะเฉพาะด้าน ซึ่งสามารถพัฒนาได้ผ่านการอบรมที่เหมาะสม แล้วทำไมถึงต้องเข้ารับการอบรม TSM? มาหาคำตอบกัน

1. เข้าใจบทบาทและหน้าที่ของ Transport Safety Manager

การเป็น TSM ไม่ได้หมายถึงแค่การตรวจสอบยานพาหนะหรือกำกับดูแลพนักงานขับรถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ด้านความปลอดภัย การวางแผนมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ การบริหารความเสี่ยง และการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การอบรมช่วยให้ผู้เข้าร่วมเข้าใจหน้าที่เหล่านี้ได้อย่างลึกซึ้ง

2. ลดอุบัติเหตุและความเสี่ยงในองค์กร

การอบรมช่วยให้ TSM สามารถนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาใช้เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระบบขนส่ง ซึ่งรวมถึงการบำรุงรักษายานพาหนะอย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถ และการจัดการปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุ

3. ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดด้านความปลอดภัย

การขนส่งต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายจราจร กฎหมายแรงงาน และมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่ง การอบรมช่วยให้ TSM เข้าใจข้อกำหนดเหล่านี้และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง ลดความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นกับองค์กร

4. เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย

TSM ที่ผ่านการอบรมสามารถนำเทคนิคการจัดการความปลอดภัยที่ทันสมัยมาใช้ เช่น การใช้ระบบติดตาม GPS การวิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุ และการบริหารจัดการพฤติกรรมของพนักงานขับรถ ทำให้สามารถวางแผนและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กร

การปลูกฝังวัฒนธรรมความปลอดภัยเป็นปัจจัยสำคัญในการลดอุบัติเหตุในระยะยาว TSM ที่ผ่านการอบรมสามารถสื่อสารและถ่ายทอดความรู้ด้านความปลอดภัยให้กับพนักงานทุกระดับ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัย

6. เพิ่มความน่าเชื่อถือและความสามารถในการแข่งขันขององค์กร

องค์กรที่มีระบบบริหารความปลอดภัยที่ดีมักได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า คู่ค้า และหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันในตลาด

การอบรม Transport Safety Manager (TSM) เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ไม่เพียงแต่ช่วยให้ TSM มีความรู้และทักษะที่จำเป็นในการบริหารจัดการความปลอดภัย แต่ยังช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ยั่งยืนในองค์กร

หากคุณต้องการให้การขนส่งในองค์กรของคุณมีความปลอดภัยสูงสุด อย่าละเลยการอบรม TSM เพราะความปลอดภัยเป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้! 🚛🔧

บุคคลทั่วไป สมัคร TSM ต้องทำอย่างไร ?

  • • อายุ 22 ปี บริบูรณ์ สัญชาติไทย
  • • ลงทะเบียนเพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตน ผ่านระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DGA Digital ID)
  • • ยื่นคำขอพร้อมรูปถ่าย
  • • ผ่านการอบรม 18 ชั่วโมง ทั้งหมด 8 หัวข้อวิชา
  • • ผ่านการทดสอบผ่านระบบ e-Exam
  • • ได้ขึ้นทะเบียนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมีอายุ 3 ปี นับจากวันประกาศ
  • • การต่ออายุ สามารถดำเนินการล่วงหน้า 6 เดือน โดยผ่านการอบรมตามที่กำหนด

1. ลงทะเบียนเพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตน ผ่านระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DGA Digital ID)
2. ยื่นคำขอพร้อมรูปถ่าย
3. เข้าอมรบ 18 ชั่วโมง มี 8 หัวข้อวิชา
  • • ความปลอดภัยในการประกอบการขนส่ง 2 ชั่วโมง
  • • กฎหมายที่เกี่ยวกับการประกอบการขนส่ง 1 ชั่วโมง
  • • การบำรุงรักษารถและตรวจความพร้อมของรถ 1 ชั่วโมง
  • • การวิเคราะห์และป้องกันอุบัติเหตุ 4.5 ชั่วโมง
  • • การจัดการพนักงานขับรถ 2 ชั่วโมง
  • • ความปลอดภัยในการบรรทุกสินค้าและผู้โดยสาร 2 ชั่วโมง
  • • การจัดการเหตุฉุกเฉิน 1.5 ชั่วโมง
  • • การวางแผนและปฏิบัติการเดินรถ 4 ชั่วโมง
4. ผ่านการอบรม จึงสมัครเข้ารับการทดสอบ
  • • การทดสอบผ่านระบบ e-Exam
  • • จำนวน 45 ข้อ ต้องได้คะแนน 70% ขึ้นไป (สอบผ่าน 32 ข้อ)
  • • การสอบแก้ตัว สามารถทำได้ 2 ครั้ง ภายใน 90 วัน หากพ้นกำหนดต้องเข้ารับการอบรมใหม่
5. ได้ขึ้นทะเบียนเป็น TSM
  • • ประกาศขึ้นทะเบียนผ่าน www.tsmthai.com
  • • การขึ้นทะเบียนมีอายุ 3 ปี นับจากวันประกาศ
  • • การต่ออายุ สามารถดำเนินการล่วงหน้า 6 เดือน โดยผ่านการอบรมตามที่กำหนด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @iddrives (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 098-2610126
อีเมล : contact@iddrives.co.th

ทำไมต้องอบรม Transport Safety Manager : TSM ? Read More »

EVOC (Emergency Vehicle Operator Course) คืออะไร ?

EVOC (Emergency Vehicle Operator Course) คือหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับผู้ขับขี่รถฉุกเฉิน เช่น รถพยาบาล รถดับเพลิง หรือรถตำรวจ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการความรวดเร็วและการตัดสินใจที่ถูกต้อง

เนื้อหาของหลักสูตร EVOC:

  1. ทฤษฎีการขับขี่อย่างปลอดภัย
    • กฎหมายจราจรที่เกี่ยวข้องกับรถฉุกเฉิน
    • ความเสี่ยงและอันตรายในการขับขี่รถฉุกเฉิน
    • หลักการตัดสินใจในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  2. เทคนิคการขับขี่ขั้นสูง
    • การควบคุมรถในความเร็วสูง
    • การเลี้ยวและการเบรกในสถานการณ์วิกฤต
    • การประเมินสภาพแวดล้อมและการจัดการจุดบอด
  3. การฝึกภาคปฏิบัติ
    • การขับขี่ในพื้นที่จำลองสถานการณ์
    • การหลีกเลี่ยงอุปสรรค (Obstacle Avoidance)
    • การขับขี่ในพื้นที่แคบและการจอดในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  4. การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน
    • การใช้วิทยุสื่อสารระหว่างทีม
    • การปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานอื่น

ประโยชน์ของ EVOC:

  • ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
  • เพิ่มความมั่นใจและทักษะในการขับขี่
  • ช่วยให้การตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินมีประสิทธิภาพมากขึ้น

หลักสูตรนี้มักจัดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานีดับเพลิง หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน หรือโรงเรียนฝึกขับรถเฉพาะทาง และ ศูนย์ฝึกอบรม Training Zenter

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @idtz (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 088-5643772
อีเมล : id.trainingcenter@iddrives.co.th

EVOC (Emergency Vehicle Operator Course) คืออะไร ? Read More »

TSM (Transport Safety Manager) คืออะไร?

Transport Safety Manager (TSM) หรือ ผู้จัดการด้านความปลอดภัยในการขนส่ง เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของระบบขนส่ง ทั้งในภาคธุรกิจโลจิสติกส์ การขนส่งสินค้า และการขนส่งผู้โดยสาร โดย TSM มีหน้าที่หลักในการกำกับดูแลให้การดำเนินงานด้านขนส่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร


หน้าที่และความรับผิดชอบของ Transport Safety Manager

1. พัฒนาและดำเนินนโยบายด้านความปลอดภัย

  • กำหนดแนวทางและมาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่ง
  • ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
  • วางแผนมาตรการป้องกันอุบัติเหตุและความเสี่ยง

2. กำกับดูแลและติดตามความปลอดภัยในการขนส่ง

  • ตรวจสอบความปลอดภัยของยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง
  • วิเคราะห์ข้อมูลอุบัติเหตุและหาสาเหตุเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
  • ใช้เทคโนโลยี เช่น GPS และระบบติดตามการขับขี่ เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมของพนักงานขับรถ

3. ฝึกอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย

  • จัดอบรมให้กับพนักงานขับรถและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
  • ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยให้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
  • จัดทำคู่มือและมาตรฐานปฏิบัติงานด้านความปลอดภัย

4. ตรวจสอบและบำรุงรักษายานพาหนะ

  • ประสานงานกับฝ่ายซ่อมบำรุงเพื่อตรวจสอบสภาพรถ
  • วางแผนการตรวจเช็คและซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน
  • รับรองว่ายานพาหนะทุกคันมีมาตรฐานความปลอดภัยก่อนใช้งาน

5. การจัดการเหตุฉุกเฉินและความเสี่ยง

  • วางแผนรับมือเหตุฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุหรือภัยพิบัติ
  • ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดเหตุ
  • สรุปบทเรียนและปรับปรุงมาตรการความปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น

คุณสมบัติของ Transport Safety Manager ที่ดี

  1. มีความรู้ด้านความปลอดภัยในการขนส่ง – เข้าใจหลักการขนส่งที่ปลอดภัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  2. มีทักษะด้านการบริหารและการวิเคราะห์ความเสี่ยง – สามารถวางแผนและปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยได้
  3. มีภาวะผู้นำและการสื่อสารที่ดี – สามารถฝึกอบรมและถ่ายทอดความรู้ให้กับทีมงานได้
  4. มีความละเอียดรอบคอบและใส่ใจในรายละเอียด – ตรวจสอบและติดตามการดำเนินงานด้านความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด
  5. สามารถทำงานภายใต้ความกดดันและแก้ไขปัญหาได้ดี – รับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินและความท้าทายต่างๆ ได้

ความสำคัญของ Transport Safety Manager

  • ลดอุบัติเหตุและความสูญเสีย – ช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน – ทำให้การขนส่งดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
  • สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้ใช้บริการ – ทำให้ธุรกิจขนส่งได้รับความเชื่อถือ
  • ปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัย – ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและข้อบังคับ
  • สนับสนุนการขนส่งที่ยั่งยืน – ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

Transport Safety Manager (TSM) เป็นตำแหน่งที่มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมขนส่ง โดยทำหน้าที่บริหารจัดการความปลอดภัย ป้องกันอุบัติเหตุ และสร้างมาตรฐานการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ หากองค์กรมี TSM ที่มีความสามารถ จะช่วยให้การดำเนินงานด้านขนส่งเป็นไปอย่างปลอดภัย มีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
Facebook : Training Zenter
Line : @idtz (มี@ข้างหน้า)
โทรศัพท์ : 088-5643772
อีเมล : id.trainingcenter@iddrives.co.th

TSM (Transport Safety Manager) คืออะไร? Read More »

เหตุผล ทำไมเราต้องมีใบขับขี่ ?

ใบขับขี่ช่วยให้คุณรับรองตัวตนและยืนยันสิทธิในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นเอกสารที่อนุญาตให้คุณขับรถในประเทศที่คุณอาศัยอยู่ หรือประเทศที่คุณต้องการขับรถในนั้น มีสาเหตุหลายประการที่ทำให้มีความจำเป็นต้องมีใบขับขี่ ดังนี้…

เรื่องความปลอดภัย การมีใบขับขี่แสดงถึงความสามารถในการขับรถของคุณ ซึ่งได้รับการฝึกฝนและทดสอบในเรื่องของกฎและความปลอดภัยทางถนน มีใบขับขี่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยสำหรับคุณและผู้อื่น.

.

เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย การมีใบขับขี่ช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการขับรถ หากคุณขับรถโดยไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุ คุณอาจต้องเสียค่าปรับ ถูกยึดใบขับขี่ หรือถูกตัดสิทธิในการขับรถชั่วคราวหรือถาวร การมีใบขับขี่ช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง.

.

ได้รับประโยชน์จากประกันภัยรถยนต์ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การมีใบขับขี่เป็นเงื่อนไขเพื่อที่จะได้รับการประกันภัยจากบริษัทประกัน การมีประกันภัยรถยนต์ช่วยให้คุณปกป้องตัวเองและรถของคุณจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น.

.

การเดินทางต่างประเทศ หากคุณต้องการขับรถในประเทศอื่น ๆ การมีใบขับขี่ที่ถูกต้องเป็นเอกสารสำคัญที่จำเป็น เพื่อให้คุณสามารถขับรถตามกฎหมายและประกอบกิจการในประเทศนั้นได้.

.

สิทธิ์ในการทำงาน ในหลาย ๆ อาชีพ การมีใบขับขี่เป็นเงื่อนไขเพื่อที่จะสมัครงานหรือได้รับตำแหน่งบางอย่าง เช่น

งานขับรถบรรทุก หรือ งานบริการขนส่ง.

.

การเช่ารถ หากคุณต้องการเช่ารถ บริษัทเช่ารถอาจต้องการให้คุณแสดงใบขับขี่เพื่อยืนยันว่าคุณมีความสามารถในการขับรถ.

.

ความสะดวกในการเดินทาง ในกรณีที่มีด่านตรวจขันวินัยจราจร หากเรามีใบขับขี่จะช่วยให้คุณสามารถเดินทางด้วยรถส่วนตัวได้ในเวลาที่คุณต้องการ ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทาง.

.

สรุปคือ การมีใบขับขี่เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการขับรถอย่างถูกต้องและปลอดภัย ช่วยให้คุณปฏิบัติตามกฎระเบียบ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และสร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นในสิทธิและตัวตนของคุณในการเดินทางร่วมกับรถยนต์.

เหตุผล ทำไมเราต้องมีใบขับขี่ ? Read More »