การขับขี่รถบรรทุกไม่ได้เป็นเพียงแค่การเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่เป็นการดำเนินงานที่ต้องอาศัยการจัดการความปลอดภัยอย่างรอบด้าน เพื่อปกป้องทั้งชีวิตของผู้ขับขี่ เพื่อนร่วมทาง ทรัพย์สิน และสินค้าที่ขนส่ง อุปกรณ์ความปลอดภัยที่ครบครันจึงเป็นรากฐานสำคัญ อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เหล่านี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดได้ก็ต่อเมื่ออยู่ภายใต้ระบบการบริหารจัดการความปลอดภัยการขนส่ง หรือ Transport Safety Management (TSM) ที่เข้มแข็งและเป็นระบบ
TSM ไม่ใช่แค่เรื่องของเอกสารหรือการอบรมเท่านั้น แต่รวมถึงการกำหนดนโยบาย การวางแผน การจัดหาทรัพยากร การปฏิบัติงาน การตรวจสอบ และการปรับปรุงแก้ไขอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการจัดหาและบำรุงรักษาอุปกรณ์ความปลอดภัยเหล่านี้ด้วย.
มาดูกันว่า 7 อุปกรณ์สำคัญที่รถบรรทุกทุกคันควรมีติดรถไว้มีอะไรบ้าง และ TSM เข้ามามีบทบาทอย่างไร
1. เครื่องมือปฐมพยาบาล (First Aid Kit)
ทำไมจึงสำคัญ: อุบัติเหตุเล็กน้อยหรืออาการบาดเจ็บกะทันหันอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไกล ชุดปฐมพยาบาลมาตรฐานจะช่วยให้สามารถดูแลบาดแผลเบื้องต้น ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ และบรรเทาอาการก่อนได้รับการรักษาจากแพทย์
สิ่งที่ควรมี: ผ้าพันแผล, สำลี, แอลกอฮอล์, ยาฆ่าเชื้อ, พลาสเตอร์ปิดแผล, กรรไกร, ถุงมือ, ยาแก้ปวด, ยาลดไข้
บทบาทของ TSM: ระบบ TSM ที่ดีจะกำหนดมาตรฐานของชุดปฐมพยาบาล ตรวจสอบวันหมดอายุของยาและเวชภัณฑ์อย่างสม่ำเสมอ และจัดให้มีการอบรมผู้ขับขี่เกี่ยวกับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
2. ชุดเครื่องมือพื้นฐานและยางอะไหล่
ทำไมจึงสำคัญ: ปัญหายางแบนหรือการซ่อมแซมเล็กน้อยระหว่างทางเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อย ชุดเครื่องมือที่เหมาะสมและยางอะไหล่ที่พร้อมใช้งานจะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องรอความช่วยเหลือจากภายนอกนานเกินไป
สิ่งที่ควรมี: แม่แรง, ประแจถอดล้อ, คีม, ไขควง, ประแจเลื่อน, ไฟฉาย, และยางอะไหล่ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์เสมอ
บทบาทของ TSM: TSM จะกำหนดรายการเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการซ่อมบำรุงฉุกเฉิน และมีระบบการตรวจสอบสภาพยางอะไหล่และเครื่องมือเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
3. อุปกรณ์ให้สัญญาณเตือน (Warning Devices)
ทำไมจึงสำคัญ: เมื่อรถจอดเสียข้างทางหรือเกิดอุบัติเหตุ การมองเห็นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือสภาพอากาศเลวร้าย อุปกรณ์ให้สัญญาณเตือนจะช่วยเตือนรถคันอื่นให้ทราบถึงสิ่งกีดขวาง ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
สิ่งที่ควรมี:
-
ป้ายสามเหลี่ยมสะท้อนแสง: ตั้งในระยะที่เหมาะสมตามกฎหมายกำหนด
-
ไฟฉุกเฉิน (ไฟวับวาบ): ช่วยเพิ่มการมองเห็นโดยเฉพาะในเวลากลางคืน
-
เสื้อสะท้อนแสง: สำหรับผู้ขับขี่เมื่อต้องลงจากรถเพื่อปฏิบัติงานข้างทาง
บทบาทของ TSM: TSM กำหนดนโยบายและขั้นตอนการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ให้มีคุณภาพได้มาตรฐานและเพียงพอต่อการใช้งาน
4. ถังดับเพลิง
ทำไมจึงสำคัญ: เหตุการณ์ไฟไหม้ในรถบรรทุกอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร หรือความร้อนสูง ถังดับเพลิงขนาดเล็กที่ติดตั้งในจุดที่หยิบง่ายและพร้อมใช้งาน จะช่วยควบคุมเพลิงในระยะเริ่มต้นก่อนที่จะลุกลามใหญ่โต
สิ่งที่ควรมี: ถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง (Dry Chemical) หรือชนิดอื่นๆ ที่เหมาะสำหรับเพลิงประเภท A, B, C และมีการตรวจสอบวันหมดอายุอยู่เสมอ
บทบาทของ TSM: ระบบ TSM จะกำหนดประเภทและขนาดของถังดับเพลิงที่เหมาะสม ตรวจสอบวันหมดอายุและความพร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอ และจัดให้มีการฝึกอบรมการใช้งานแก่ผู้ขับขี่
5. อุปกรณ์ตัดสายไฟและทุบกระจก (Emergency Escape Tool)
ทำไมจึงสำคัญ: ในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุและไม่สามารถเปิดประตูได้ตามปกติ หรือระบบไฟฟ้าขัดข้องจนไม่สามารถลดกระจกได้ อุปกรณ์นี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถออกจากตัวรถได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
สิ่งที่ควรมี: อุปกรณ์รวมที่ตัดเข็มขัดนิรภัยและทุบกระจกได้ในชิ้นเดียว ควรวางไว้ในตำแหน่งที่หยิบง่าย เช่น บริเวณคอนโซลกลาง
บทบาทของ TSM: TSM เน้นย้ำถึงความสำคัญของอุปกรณ์นี้ในการฝึกอบรมความปลอดภัย และกำหนดจุดติดตั้งที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
6. สายพ่วงแบตเตอรี่
ทำไมจึงสำคัญ: ปัญหาแบตเตอรี่หมดเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะหลังจากจอดรถทิ้งไว้นานหรือใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้ามากเกินไป สายพ่วงแบตเตอรี่จะช่วยให้คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากรถคันอื่นเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์และเดินทางต่อไปได้
สิ่งที่ควรมี: สายพ่วงแบตเตอรี่คุณภาพดี ที่มีขนาดเหมาะสมกับรถบรรทุก
บทบาทของ TSM: TSM จะรวมสายพ่วงแบตเตอรี่เป็นส่วนหนึ่งของรายการอุปกรณ์มาตรฐาน และอาจจัดให้มีการอบรมเกี่ยวกับการพ่วงแบตเตอรี่ที่ถูกต้องและปลอดภัย
7. โทรศัพท์มือถือที่ชาร์จเต็มและมีเครือข่าย
ทำไมจึงสำคัญ: ในยุคปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือเป็นสิ่งจำเป็นในการติดต่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน รายงานอุบัติเหตุ หรือประสานงานกับบริษัท การมีแบตเตอรี่เพียงพอและอยู่ในพื้นที่ที่มีสัญญาณเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
สิ่งที่ควรมี: โทรศัพท์มือถือพร้อมแบตเตอรี่เต็ม หรือมีแบตสำรอง/พาวเวอร์แบงก์ติดรถไว้เสมอ
บทบาทของ TSM: TSM จะเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน และอาจมีนโยบายให้ผู้ขับขี่รายงานสถานะหรือปัญหาที่พบเจอผ่านระบบการสื่อสารที่กำหนด
Transport Safety Management (TSM) กับความพร้อมของอุปกรณ์ความปลอดภัย
การมีอุปกรณ์ความปลอดภัยติดรถไว้เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดี Transport Safety Management (TSM) คือระบบที่เข้ามาเติมเต็มตรงนี้:
-
การกำหนดมาตรฐาน: TSM จะกำหนดว่าอุปกรณ์ใดบ้างที่จำเป็น ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร และมีจำนวนเท่าใด เพื่อให้สอดคล้องกับประเภทของรถบรรทุก ลักษณะงาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-
การจัดซื้อจัดหา: TSM มีบทบาทในการเลือกสรรอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และจัดหาให้ครบถ้วนแก่รถทุกคันในกองยาน
-
การตรวจสอบและบำรุงรักษา: TSM กำหนดตารางการตรวจสอบสภาพอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ ทั้งการตรวจเช็คประจำวัน ก่อนออกเดินทาง หรือการตรวจเช็คใหญ่ประจำปี เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์เหล่านั้นพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
-
การฝึกอบรม: TSM จัดให้มีการฝึกอบรมผู้ขับขี่และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้ความเข้าใจในการใช้งานอุปกรณ์แต่ละชนิดอย่างถูกต้องและปลอดภัย รวมถึงขั้นตอนการปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
-
การบันทึกและประเมินผล: TSM มีระบบการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการจัดหา การบำรุงรักษา และการใช้งานอุปกรณ์ เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง
การมีอุปกรณ์ความปลอดภัยครบถ้วนตามรายการข้างต้น บวกกับการดำเนินงานภายใต้ระบบ Transport Safety Management (TSM) ที่แข็งแกร่ง จะช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการขนส่งให้เกิดขึ้นจริง ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อย่ารอช้า มาเริ่มเตรียมพร้อมกันตั้งแต่วันนี้ เพื่อถนนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น!
<< โทร: 098-2610126 093-4083377
LINE: @iddrives (มีเครื่องหมาย@ข้างหน้า)
e-mail: idcontact@iddrives.co.th